พระผู้มีพระภาคทรงหนักแน่นในธรรม
ในวันใกล้เข้าพรรษา เสด็จจาริกออกจากพระวิหารเชตวัน แม้พระเจ้า ปเสนทิโกศลก็ไม่ทรงสามารถให้เสด็จกลับได้ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็เสียใจที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้พระผู้มีพระภาคเสด็จกลับพระวิหารเชตวัน แต่ว่ามีทาสีผู้หนึ่ง คือ ปุณณาทาสี ได้ถามท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีว่า โศกเศร้าเรื่องอะไร ซึ่งขณะนั้นท่านเศรษฐีกำลังเสียใจ ท่านก็เลยตวาดไปว่า ไม่สามารถทำให้พระผู้มีพระภาคเสด็จกลับได้
ปุณณาทาสีก็กล่าวว่า ตนสามารถทำให้พระผู้มีพระภาคเสด็จกลับพระวิหารเชตวันได้
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็กล่าวว่า ถ้าปุณณาทาสีสามารถที่จะทำให้ พระผู้มีพระภาคเสด็จกลับพระวิหารเชตวันได้ ก็จะให้นางปุณณาทาสีนั้นได้กลับเป็นอิสระ เป็นไท
นางปุณณาทาสีก็ได้ไปแล้ว หมอบที่พระบาท กราบทูลขอให้พระผู้มีพระภาคเสด็จกลับ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร ปุณณา เธอมีชีวิตเกี่ยวข้องกับคนอื่น จะทำอะไรแก่เราได้
คือ เมื่อเป็นทาสของเขา ไม่มีอิสระเลย แล้วจะทำประโยชน์อะไร หรือจะเกื้อกูลพระองค์ได้อย่างไร
นางปุณณาทาสีกราบทูลว่า
พระองค์ทรงทราบว่า หม่อมฉันยังไม่มีไทยธรรม แต่เพราะพระผู้มีพระภาคเสด็จกลับ หม่อมฉันจะตั้งอยู่ในสรณคมน์ และศีล
พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสประทานสาธุการ แล้วเสด็จกลับพระวิหารเชตวัน
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ปรากฏโด่งดังเรื่องหนึ่งในสมัยนั้น ซึ่งเมื่อเศรษฐีทราบเรื่อง ก็ได้ให้ปุณณาทาสีเป็นอิสระ และยกให้อยู่ในฐานะของบุตรสาว ภายหลังปุณณาทาสีก็ขอบวช ขณะที่กำลังเจริญปรารภวิปัสสนา พระผู้มีพระภาคทรงทราบ ก็ได้ตรัสโอภาสคาถาว่า
ปุณณา เธอให้พระสัทธรรมเต็มบริบูรณ์ เหมือนดวงจันทร์ในวันเพ็ญ เพราะปัญญาที่บริบูรณ์ จึงทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
ในที่สุดแห่งคาถา ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เป็นสาวิกาที่โด่งดังผู้หนึ่ง
ที่มา ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 139
พระผู้มีพระภาคเป็นผู้ทรงหนักในธรรม เคารพในธรรมอย่างนี้ คือ ทรงมุ่งธรรมเป็นใหญ่ ไม่ว่าจะเสด็จไปที่ไหน หรือว่าทรงต้อนรับใครก็ตาม
ที่มา ...