ธรรมหมายถึงสิ่งที่มีจริง อะไรบ้างเป็นธรรม


    ท่านอาจารย์ โดยมากเราจะพูดแต่ความคิดความเข้าใจของเรา แต่ว่ายังไม่ทราบว่าผู้ที่ฟังพอฟังแล้วจะคิดยังไง เข้าใจขึ้นเท่าไหร่ หรือว่าสับสน หรือเปล่า เพราะฉะนั้น ก็อยากให้พิจารณาด้วยตัวเองว่า พอได้ยินคำว่าธรรมหมายถึงสิ่งที่มีจริงๆ ไม่เคยพลัดพรากจากไปไหนเลยทั้งสิ้น จะเอาธรรมไปไว้ที่อื่นก็ไม่ได้ จะให้สิ่งที่มีไม่มีก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่าเป็นสิ่งที่มีแต่ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก็อยากจะได้ทราบนะคะ ว่า เมื่อได้ฟังว่าทุกอย่างเป็นธรรม ขอให้กล่าวถึงธรรมที่มีตามที่เข้าใจเป็นตัวอย่างว่าอะไรบ้างอะไรที่เป็นธรรม

    อ.กุลวิไล ท่านอาจารย์ก็แสดงให้เราฟังว่าธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง และสิ่งที่ว่ามีจริงรู้ได้อย่างไร ทางตาเห็น ทางหูได้ยิน ทางกายกระทบสัมผัส ทางจมูกได้กลิ่น ทางลิ้นลิ้มรส และทางใจคิดนึก เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีความมั่นคงว่า สัตว์ บุคคล ตัวตนไม่มี และตลอดเวลามีสภาพธรรม ถ้าเรารู้ได้ก็คือ นามธรรม กับรูปธรรม เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น เราก็จะมั่นคง และค่อยๆ ศึกษาว่าขณะนี้มีสภาพธรรมอะไรปรากฏ ก็ไม่พ้นหกทางหกโลกนี้

    อ.วิชัย ถ้ากล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ต้องใช้คำอะไรเลย สิ่งนั้นมีไหมครับ เพราะฉะนั้น จะใช้คำอะไรครับที่จะเป็นบัญญัติ หรือจะให้เข้าใจ ถ้าเรากล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ ก็คือตรงอยู่แล้ว สิ่งไหนที่มีจริงๆ จะเรียกก็ตาม หรือเรียกชื่ออย่างนั้นอย่างนี้ แต่ว่าโดยสภาพโดย ลักษณะของเขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเลย อย่างเช่นยกตัวอย่างเห็น ไม่ว่าจะเกิดแก่บุคคลใด ถ้าภาษาอื่นก็จะใช้คำอื่น แต่ว่าสิ่งที่สามารถรู้แจ้งได้ทางตานั้นคือ จิตเห็นเกิด และคือสิ่งที่มีจริงใช่ไหมครับ นั่นคือธรรม อันนี้ก็เป็นเริ่มที่จะให้เข้าใจว่าสิ่งที่มีจริงก็คือไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ คือเขาเกิดขึ้นก็เป็นลักษณะของเขาอย่างนั้นอยู่แล้ว

    ผู้ฟัง จะกล่าวว่าการเห็นเป็นธรรมชาติของตา ...

    ท่านอาจารย์ ท่านผู้ฟังก็ชอบใช้ภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาธรรม แต่ทีนี้ถ้าเราจะฟังธรรมแล้วใช้คำให้เข้าใจ หรือจะไม่ใช้คำว่า ธรรม ใช้คำว่าสิ่งที่มีจริง เข้าใจไหม

    ผู้ฟัง ครับ

    ท่านอาจารย์ หรือว่าไม่เข้าใจคำนี้ คำว่าสิ่งที่มีจริงไม่เข้าใจ ต้องใช้คำว่าธรรม หรือว่าใช้คำว่าธรรมไม่เข้าใจ ต้องใช้คำว่าธรรมชาติ นั่นคือเราไปติดคำ ที่เราคิดว่าถูก หรือว่าเราเข้าใจได้ แต่จริงๆ แล้ว เราจะใช้ภาษาอะไรก็ตาม แต่ว่าเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะที่แท้จริงของสภาพธรรมนั้นได้ เพราะฉะนั้น ลักษณะนั้นเป็นธรรมคือเป็นสิ่งที่มีจริง เราคนไทยจะใช้ภาษาอะไร ที่จะทำให้สามารถเข้าใจ ถึงสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ได้ ใช้คำว่าสิ่งที่มีจริงเข้าใจได้ใช่ไหม กำลังปรากฏ เข้าใจได้ไหม

    ผู้ฟัง ได้

    ท่านอาจารย์ ไม่ใช่เมื่อวานนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่มี ยังไม่เกิดขึ้น แต่หมายความว่าสิ่งนี้กำลังมีให้รู้ให้เข้าใจได้ นี่คือธรรม มิฉะนั้น เราจะไปเรียนอะไร เราจะไปรู้อะไร เราจะไปเข้าใจอะไร ถ้าเราไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังมี กำลังปรากฏในขณะนี้ให้ถูกต้องในความเป็นธรรมของสิ่งนั้น วันนี้อยากจะถามให้ตอบว่าเมื่อกี้ก็มีเห็น มีได้ยิน มีได้กลิ่น มีลิ้มรส มีรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส มีคิดนึก มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย แล้วมีอะไรอีก มีเห็น จริง

    ขณะที่กำลังฟัง ถ้าเป็นในครั้งที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน ผู้ฟังสามารถที่จะรู้ความจริงสิ่งที่ปรากฏ รู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ แต่เราพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่องเห็น และก็ไม่ต้องไปที่ไหนอีกเลย หกโลกในชีวิตประจำวัน คือทางตามีเห็น ให้รู้ว่าในขณะนี้มีเป็นธรรม ทางหูมีได้ยินเป็นธรรม เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก เป็นธรรม เพราะมีจริงๆ ใครไม่มีบ้าง ไม่มีใครที่ไม่มีเลย แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม ถ้ารู้ว่าเป็นธรรมอย่างตอนแรกที่กล่าวถึงไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา แต่เป็นสิ่งที่มีจริง ต้องเกิดจึงปรากฏ ถ้าไม่เกิดจะปรากฏไม่ได้เลย แต่ไม่เคยรู้การเกิดว่าเกิดแล้วในขณะนี้จึงได้ปรากฏ และก็ไม่รู้ด้วยว่าทันทีที่เกิดปรากฏก็ดับไปเลย และก็มีปัจจัยที่สภาพธรรมจะเกิดสืบต่อไม่ว่างเว้นจากธรรม

    จึงไม่ต้องหนีไปไหน ไม่ต้องแยกธรรมออกไปจากสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ อยู่ที่ไหนก็คือธรรมทั้งนั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม เพราะฉะนั้น ก็เริ่มรู้แล้วว่าใครจะแยกธรรมออกไปได้บ้างจากชีวิตจริงๆ ทุกๆ ขณะนี้ แยกไม่ได้หนีไม่พ้นต้องเป็นธรรมที่มีอยู่


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ ๑


    หมายเลข 4896
    4 ก.ย. 2567