การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม เป็นการสะสมบุญในอดีต


    เพราะฉะนั้น ชีวิตจริงๆ เราก็เริ่มเห็นว่า เราเป็นยังอย่างไงเทียบส่วนกับผู้ที่ได้ฟังมามาก หรือว่าผู้ที่ได้เป็นพระอริยบุคคลแล้ว แต่ผู้ที่ได้เป็นพระอริยบุคคลมี ไม่ใช่ว่าไม่มี จากกาลครั้งหนึ่งซึ่งท่านก็เป็นปุถุชน ชีวิตของท่านที่เป็นสาวก ก็มีชีวิตที่เป็นไปตามการสะสม บางท่านก็น่าอัศจรรย์ว่าทำไมชีวิตของท่านช่างแปลกอย่างนั้น อย่างมีพระเถรีท่านหนึ่งในอดีต ท่านก็มีสามี และไม่เป็นที่รักของสามีเลย ไม่ว่ากี่คน คิดดูสิคะ ว่าทำไมชีวิตของแต่ละคนถึงได้แตกต่างกันไป

    ไม่มีใครสามารถจะสร้างจะทำได้ แม้แต่ชีวิตของเราเอง ตั้งแต่เด็กมา เราเคยคิดไหมว่าจะมีวันนี้ ที่มีความสนใจพระธรรม และก็มีการศึกษามีการพยายามที่จะเข้าใจพระธรรม ตอนเป็นเด็กทุกคนสนุกสนานมาก อยู่โรงเรียนมีเพื่อนเล่น จะคิดไหมว่าจะมีโอกาสได้ฟังสิ่งซึ่งคนเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปี ได้ฟังจากพระโอษฐ์ และก็เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีเราอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยเกิดเลย การที่จะมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเป็นการสะสมของบุญ คือการได้เคยฟังมาแล้วในอดีต จะมาก หรือจะน้อยขึ้นอยู่กับความเข้าใจธรรม ที่ได้ยินได้ฟัง แต่อัธยาศัย หรือฉันทะที่ทำให้ฟัง ก็ต่างกับอัธยาศัย หรือฉันทะของคนที่ ไม่สนใจที่จะฟังเลย แม้ว่าจะเป็นญาติสนิท มิตรสหาย เพื่อนฝูงซึ่งเป็นที่รักใกล้ชิด ก็บังคับไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วโลกคนละใบ นี่แน่นอนที่สุด เกิดขึ้นคนเดียว มีใครเกิดร่วมด้วยในขณะนั้น หรือเปล่า เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็น เห็นคนเดียว หรือเปล่า นี่พูดโดยความเข้าใจทั่วๆ ไปซึ่งยังไม่กล่าวถึงธรรมแต่ละชนิด ขณะที่กำลังเห็น ใครมาร่วมเห็นในขณะที่จิตเห็นนี้กำลังเกิด หรือเปล่า หรือขณะที่กำลังคิด ใครมาร่วมคิดในจิตนั้นที่กำลังคิด หรือเปล่า ก็ไม่มีเลย

    เพราะฉะนั้น จะเห็นได้นะคะ ว่ายิ่งศึกษา ยิ่งเห็นว่าขณะจิตหนึ่งก็คือโลกขณะหนึ่ง ซึ่งแต่ละคนก็เป็นโลกแต่ละใบ เต็มไปด้วยความคิดถึงสิ่งที่กำลังกระทบตา จำไว้มากมาย เรื่องราวต่างๆ เสียงกระทบหู จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส กายกระทบสิ่งซึ่งสัมผัส ใจคิดนึกปรุงแต่งจากสิ่งที่เห็น ที่ได้ยินทั้งหมด ไม่ลืมเลย จำไว้เป็นอัตตสัญญามากมาย กว่าการได้ยินได้ฟังธรรมที่เป็นอนัตตา แล้วจะค่อยๆ ลบความเป็นอัตตสัญญาลงไป จากการที่ได้รู้ลักษณะสภาพธรรมจนกว่าจะหมดสิ้น ไม่เหลือความเป็นเรา หรือความเป็นอัตตา นี่ก็แสดงให้เห็นว่า การตั้งต้นที่ถูกต้อง รู้ว่าศึกษาอะไร ธรรมคืออะไร ขณะนี้เป็นธรรม จะทำให้เราไม่หลงผิด ถ้ามีความเข้าใจในลักษณะของสภาพธรรม ยิ่งฟังยิ่งเข้าใจในสิ่งที่เราได้ยินวันนี้เพิ่มขึ้น และจะได้ยินวันต่อๆ ไปเพิ่มขึ้นด้วย คือไม่เป็นเรื่องอื่นนอกจากเป็นเรื่องของธรรม เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งซึ่งต้องอดทนมาก ที่จะต้องฟัง และรู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นเรื่องขั้นฟัง หรือเป็นเรื่องที่ค่อยๆ เข้าใกล้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ จนกว่าจะประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมนั้น


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 2


    หมายเลข 4904
    4 ก.ย. 2567