ขณะที่พูดหรือฟังรู้เรื่องก็เจริญสติปัฏฐานได้
โดยมากท่านผู้ฟังเข้าใจว่า ขณะที่กำลังพูด หรือขณะที่ฟังรู้เรื่องนั้น เจริญสติปัฏฐานไม่ได้ ถ้าท่านเข้าใจอย่างนั้น นั่นเป็นความเข้าใจของท่านเอง หรือว่าตรงกับพระธรรมวินัย ในพระสูตร ในพระวินัย ในพระอภิธรรมที่ได้ทรงแสดงไว้ บางท่านก็เข้าใจว่าขณะที่กำลังพูดต้องมีนามที่คิดนึกที่ต้องการพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยให้รูปไหวไปกระทบส่วนต่างๆ ทำให้เกิดเสียงต่างๆ นั่นไม่ผิด แต่ให้ทราบว่าขณะที่กำลังเห็น จิตเห็นก็เห็นเท่านั้น ไม่ใช่ทำอย่างอื่น ขณะที่จะทำให้รูปไหวเป็นคำพูดต่างๆ จิตนั้นก็เป็นปัจจัยทำให้รูปไหวไปเท่านั้น ไม่ใช่ทำอย่างอื่น หรือว่าเวลาที่สติระลึกรู้ลักษณะของนามของรูปที่กำลังปรากฏ จิตนั้นก็ระลึกลักษณะของนามของรูปที่กำลังปรากฏเท่านั้น ไม่ใช่ทำอย่างอื่น ไม่ใช่ก้าวก่ายปะปนสับสนกัน ไม่ใช่เอาจิตได้ยินมาเจริญสติ หรือว่าไม่ใช่เอาจิตที่ทำให้รูปไหวไปกระทบกันเกิดเสียงเป็นวาจาต่างๆ ไม่ใช่เอาจิตนั้นมาเจริญสติ จิตใดมีหน้าที่เป็นปัจจัยให้รูปชนิดใดเป็นอย่างไร จิตนั้นก็เป็นปัจจัยให้รูปชนิดนั้นเป็นอย่างนั้น แต่สติเกิดพร้อมกับจิตที่เป็นมหากุศลญาณสัมปยุตต์ ระลึกรู้ลักษณะของนามของรูปใดๆ ในขณะไหนก็ได้ แทรกไปตามอารมณ์ทุกชนิดได้ ไม่ใช่เวลาพูดเตรียมตัว และพยายามบังคับ พยายามระวังกิริยาอาการต่างๆ ให้ผิดปกติไป ไม่ใช่อย่างนั้น นั่นเป็นความตั้งใจที่จะทำ แต่ไม่ใช่เป็นสภาพที่ระลึกรู้ลักษณะของนามของรูปใดๆ ที่เกิดปรากฏเพราะเหตุปัจจัย