คำว่าอุปนิสัยในความเข้าใจเดิมต่างกับอุปนิสสยปัจจัย
มีข้อสงสัยอะไรไหม ?ในเรื่องนี้
ทรงเกียรติ ผมสงสัยศัพท์ครับคำว่า“อุปนิสัย”ในภาษาไทย ก็หมายความถึงการสั่งสมการกระทำทุกอย่างที่สั่งสมมานานจนเป็นอุปนิสัย แต่ในปัจจัยนี่ “อุปนิสสยปัจจัย”ทำไมจึงแปลว่า เป็นที่อาศัยที่มีกำลัง ซึ่งไม่เหมือนกับที่เราเข้าใจ
ท่านอาจารย์ โลภะเกิดขึ้นขณะหนึ่ง วิถีหนึ่ง หรือโดยชวนะก็เกิดดับสืบต่อกัน ๗ ครั้ง ดับไปแล้วอย่าคิดว่าไม่มีกำลัง
ชวนจิตเกิด – ดับสืบต่อซ้ำกัน ๗ ขณะมากกว่าจักขุวิญญาณ หรือสัมปฏิจฉนจิต สันตีรณจิตโวฏฐัพพนจิต แต่เพราะการเกิด – ดับของจิตเป็นไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เพราะฉะนั้นในขณะนี้ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าชวนจิตเกิด – ดับไป ๗ ขณะนี้กี่ครั้ง กี่วาระแล้ว ในขณะที่กำลังฟังธรรมหรือว่าในขณะที่เป็นโลภชวนะ เป็นโทสชวนะก็ตาม แม้ว่าจะเกิด – ดับสืบต่อกันซ้ำ ๗ ขณะ ก็แสนเร็ว และดับไปแล้วก็จริง แต่อย่าคิดว่า ไม่มีกำลัง เพราะเหตุว่าสะสมสืบต่อในจิตซึ่งเกิด – ดับต่อ ๆ มาทุกดวงจึงเป็นอนันตรูปนิสสยปัจจัย ที่จะทำให้ลักษณะของโลภะเช่นนั้น ๆ เกิดขึ้นอีก หรือว่าโทสะ โมหะหรือว่ามหากุศลที่เป็นไปในทานบ้าง ในศีลบ้าง เช่นนั้น ๆ เกิดขึ้นเพราะการสะสมสืบต่อของจิตที่เกิด – ดับทุกดวงนั้นเอง
เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้ที่ไม่ประมาททำไมโลภะจึงมีมาก เพราะเคยเกิดมาแล้ว ๗ ขณะ ๆทุกวาระไป บ่อย ๆ เนื่อง ๆ สะสมสืบต่อโดยอนันตรปัจจัย และมีกำลังเมื่อเป็นอนันตรูปนิสสยปัจจัย