ประโยชน์ในการศึกษาเรื่องของปัจจัยทั้งหมด
สำหรับประโยชน์ของการเข้าใจเรื่องอนันตรูปนิสสยปัจจัยและปัจจัยอื่น ๆ ทั้งหมด ก็เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในสภาพธรรม และการปฏิบัติ คือ การอบรมเจริญปัญญา ถ้ามีการเข้าใจผิดในเรื่องปฏิบัติอบรมเจริญปัญญา และไม่สามารถที่จะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้ เช่นถ้าคิดว่าปัญญาไม่สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงในขณะนี้ ก็ไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้ แล้วจะไม่เข้าใจด้วยว่า ปัจจัยทั้งหลายที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงแล้วนั้น เพื่อที่จะให้รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นอนัตตาจริง ๆ
แม้แต่อนันตรูปนิสสยปัจจัยถ้าสติไม่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้จะไม่ทราบเลยว่าอนันตรูปนิสสยปัจจัยคืออะไร แต่ถ้าเป็นผู้มีปกติระลึกรู้ลักษณะ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้นหรือทางกายหรือทางใจในขณะนี้จริง ๆ จะเห็นได้ว่าทั้ง ๆ ที่เห็นนี้ไม่นานเลย เพราะเหตุว่าอนันตรูปนิสสยปัจจัยทำให้เกิดการได้ยินขึ้น และทั้ง ๆที่กำลังได้ยินนี้เองก็ไม่นานเลย เพราะเหตุว่าอนันตรูปนิสสยปัจจัยทำให้เกิดการคิดนึกเรื่องต่าง ๆ ขึ้น
เพราะฉะนั้นชีวิตตามปกติตามความเป็นจริงของแต่ละคนเมื่อสติสามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏทางทวารต่าง ๆ ซึ่งตามปกติมักจะหลงลืม ในขณะที่หลงลืมแม้ว่าสภาพธรรมจะปรากฏทางตาชั่วขณะเล็กน้อย ปรากฏทางหูชั่วขณะเล็กน้อย ปรากฏทางใจคิดนึกแต่ละคำเพียงชั่วขณะเล็กน้อย ก็ไม่เห็นความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ซึ่งเกิดขึ้นเพราะปัจจัยต่างๆ ถ้าปราศจากปัจจัยต่าง ๆ แล้วสภาพธรรมแต่ละอย่างจะปรากฏไม่ได้เลยแต่เมื่อเป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐานเมื่อไร จะเริ่มรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงทีละเล็กทีละน้อยจนสามารถที่จะเข้าใจถึงสภาพที่เป็นอนัตตา แม้แต่เรื่องของอนันตรูปนิสสยปัจจัย และปัจจัยทั้งหลายที่ได้ฟังและได้ศึกษามาแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าสภาพธรรมแต่ละอย่างนั้นเป็นอนัตตาจริง ๆ ถ้าปราศจากปัจจัยแม้เพียงปัจจัยหนึ่งปัจจัยใด ซึ่งจะเป็นเหตุให้สภาพธรรมนั้นเกิดขึ้น สภาพธรรมนั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้ เช่นอนันตรูปนิสสยปัจจัย ถ้าขาดปัจจัยนี้การได้ยินก็จะเกิดไม่ได้การคิดนึกก็จะเกิดไม่ได้ การเห็น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสต่าง ๆ ซึ่งเป็นปกติในชีวิตประจำวันก็ย่อมจะเกิดไม่ได้
เพราะฉะนั้นการศึกษาทั้งหมด เพื่อที่จะเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามปกติตามความเป็นจริง