เข้าใจปกตูปนิสสปัจจัยโดยระลึกถึงจิตในขณะนี้
ซึ่งท่านผู้ฟังจะเข้าใจลักษณะของปกตูปนิสสยปัจจัย โดยการระลึกรู้ลักษณะของจิตที่เกิดขึ้นปรากฏในขณะนี้ว่าการที่จิตในขณะนี้เป็นกุศลหรือเป็นอกุศลอย่างนี้ ๆ ก็เป็นเพราะปกตูปนิสสยปปัจจัย คือ เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะมีปกตูปนิสสยปัจจัยอันเป็นที่อาศัยที่มีกำลังแรงกล้าที่ได้กระทำมาแล้วด้วยดี ถ้าไม่ระลึกถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในปัจจุบัน ไม่มีทางที่จะเข้าใจปัจจัยทั้งหลายได้ แม้ปกตูปนิสสยปัจจัย
จิตของแต่ละคน คนอื่นยากที่จะรู้ได้ แต่ว่าจิตใดเกิดกับผู้ใด ผู้นั้นมีโอกาสที่จะพิจารณารู้ในลักษณะของจิตนั้น ๆ เพราะเหตุว่าจิตเป็นสภาพที่เกิดดับอย่างรวดเร็ว และถ้าไม่มีอาการที่ปรากฏภายนอก ทางกายบ้างทางวาจาบ้างคนอื่นย่อมไม่สามารถรู้ลักษณะของจิตของผู้อื่น แต่สติของบุคคลนั้นเองสามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะสภาพของจิตที่กำลังเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้น เช่นโลภมูลจิตบ้าง โทสมูลจิตบ้างโมหมูลจิตบ้าง
เคยคิดสงสัยไหมว่าทำไมจิตอย่างนี้จึงเกิดขึ้นเป็นไปอย่างนี้ ในขณะนี้ได้ ท่านที่ได้ฟังเรื่องของสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิกรูปได้เข้าใจเรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน เป็นการอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม แต่วันหนึ่ง ๆ ทุกท่านก็กล่าวว่า สติเกิดน้อยสติปัฏฐานเกิดน้อยมาก ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ถ้าไม่มีปกตูปนิสสยปัจจัย ก็ย่อมไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าแม้จิตในขณะนั้นที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างนั้นก็เป็นอนัตตา
ถ้าไม่มีอวิชชาซึ่งเคยเกิดแล้วในอดีต ขณะนี้อวิชชาก็ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีโลภะที่เคยเกิดแล้วในอดีตสะสมมาเป็นอันมากด้วยดี โลภมูลจิตในขณะนี้ก็เกิดไม่ได้
เพราะฉะนั้นเรื่องของปกตูปนิสสยปัจจัย เป็นสภาพธรรมที่มีกำลังจนสามารถเป็นปัจจัยทำให้ลักษณะของจิตที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นไปตามกำลังของปกตูปนิสสยปัจจัย ซึ่งทำให้แต่ละท่านมีอุปนิสัยต่าง ๆ กัน