ปัญญาของสุเมธดาบสที่คิดจะสละกายอันน่ารังเกียจ
ข้อความต่อไปมีว่า เราไม่ควรห่วงใย ไม่ควรต้องการทรัพย์สมบัติ ทิ้งกายอันเปื่อยเน่านี้ ซึ่งเป็นที่สั่งสมซากศพต่างๆ ไปเสียเถิด อุปมาเหมือนบุรุษแก้ซากศพ ที่น่า สะอิดสะเอืยน ซึ่งผูกไว้ที่คอ ได้แล้ว พึงไปอยู่เป็นสุข เสรี ตามลำพังตน ฉะนั้น เราจะทิ้งกายนี้ ซึ่งเต็มด้วย ซากศพต่างๆ ไปเสีย เหมือนถ่ายอุจจาระลงในส้วม เสร็จแล้วออกไป อุปมาเหมือนบุรุษ และสตรี ถ่ายอุจจาระลงในส้วมแล้ว ไม่ห่วงใย ไม่ต้องการ ไปเสียฉะนั้น เราจะทิ้งกายนี้ ซึ่งมีช่อง ๙ ช่อง อันไหลเยิ้มอยู่เป็นนิจไปเสีย ดุจเจ้าของทั้งหลาย ทิ้งเรือที่เก่าคร่ำคคร่าฉะนั้น ข้อนี้มีอุปมา เหมือนพวกเจ้าของเรือ ทิ้งเรือที่เก่าคร่ำคร่า ชำรุดทรุดโทรม ที่รั่วไม่มีความเยื่อใย ไม่ต้องการไป เสียฉะนั้น เราจะละ กายนี้ซึ่งเปรียบด้วยมหาโจรไปเสีย เพราะ กลัวจะชิน อกุศลอุปมาเหมือนบุรุษถือห่อสิ่งของ เดินไปกับพวกโจร ทิ้งโจรไปเสีย เพราะเห็นภัย คือโจรจะชิงสิ่งของฉะนั้น ครั้นเราคิดอย่างนี้แล้ว ได้ให้ทรัพย์ตั้งหลายร้อยโกฏิแก่คน ทั้งที่ไม่ใช่คนอนาถา ทั้งที่เป็น อนาถา แล้วเข้าใไปยังป่าหิมวัน ถึงแม้ว่าท่านผู้ฟังจะไม่คิดอย่าง สุเมธดาบส โดยตลอดทั้งหมดที่จะมีความตั้งมั่นในการที่จะแสวงหาพระนิพพาน แต่ก็ควรจะระลึกบ้าง เพื่อที่จิตจะได้สงบ อย่างข้อความที่ว่าเราจะทิ้งกายนี้ซึ่งเป็นด้วยซากศพต่างๆ ไปเสีย เหมือนถ่ายอุจจาระเสร็จแล้ว ออกไป นี่เป็นกิจที่กระทำกันอยู่ทุกวัน แต่ว่าปัญญาไม่ได้นึกเปรียบเทียบเลยว่า ควรที่จะทิ้งนามรูป ที่ยึดถือว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล ที่เกิดดับ ที่น่ารังเกียจอย่างนี้ ที่จะต้องแก่ และตาย อย่างนี้ ไปสู่สภาพซึ่งไม่มีการเกิดอีก แล้วก็ไม่มีการตายอีก เพราะฉะนั้น ธรรมทั้งหมดในชีวิตประจำวัน สำหรับบุคคลที่ ใคร่ที่จะได้อบรมเจริญกุศลให้ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคืออบรมเจริญปัญญา ที่สามารถที่จะดับกิเลสได้ ย่อมน้อมเห็นสภาพธรรม แม้ปกติในชีวิตประจำวัน แล้วก็มีความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ