ความคิดที่จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านอาจารย์ ข้อความต่อไปมีว่า ข้อความต่อไปมีปรากฏใน อัฏฐสาลินี ที่แสดงถึงที่จงกรมที่เหมาะสม ในขณะที่สุเมธดาบสได้ไปยังป่าหิมวันแล้ว แล้วก็สุขของสมณะ ๘ ประการ โทษของผ้าสาดก โทษของ บรรณศาลา และคุณของโคนไม้ แล้วก็โทษของอาหารที่ดี ซึ่งข้อความต่อไปมีว่า เมื่อเราคือ สุเมธดาบส ถึงความสำเร็จ เป็นผู้ชำนิ ชำนาญ ในศาสนาอย่างนี้แล้ว พระชินเจ้าทรงพระนามว่า ทีปังกร ผู้ทรงเป็น นายกของโลก ก็เสด็จอุบัติ เรามัวอิ่มเอิบอยู่ด้วยความยินดีในฌาน จึงไม่ได้เห็นนิมิต ๔ คือ ๑ เมื่อพระองค์เสด็จอุบัติ ๒ ทรงประสูติ ๓ ตรัสรู้ ๔ ทรงแสดงธรรม ซึ่งสมัยต่อมา พวกมนุษย์ ก็มีใจยินดี นิมนต์พระผู้มีพระภาค ให้เสด็จไปในเขตประเทศ ปลายแดน แล้วก็ได้พากันแผ่วถางทางที่ พระองค์จะเสด็จมา พระผู้มีพระภาค ตรัสเล่าว่า ในสมัยนั้น เราครองผ้าคากรอง ออกจากอาศรมของตน เหาะไปในท้องฟ้า ในกาลนั้นได้เห็นชนเกิดความร่าเริงบัญเทิงใจ แล้วลงจากท้องฟ้า จึงถามพวกมนุษย์ ในขณะนั้นว่า มหาชนผู้เกิดความร่าเริงบันเทิงใจ ย่อมแผ่วถางทาง เป็นที่มาเพื่อใคร พวกเขาถูกเราถามแล้ว จึงตอบว่า พระชินเจ้าทรงพระนาม ทีปังกร เป็นพระพุทธเจ้า ไม่มีใครจะเทียบถึง ทรงเป็นนายกของโลก เสด็จอุบัติมาในโลก มหาชนย่อมแผ่วถางทาง เป็น ที่เสด็จมาเพื่อพระองค์ เพราะได้ฟัง ชื่อว่าพุทโธ ก็เกิดปีติในทันทีทันใด เรากล่าวอยู่ว่าพุทโธๆ ได้เสวยโสมนัสแล้ว เราทั้งๆ ที่ยินดี ยืนอยู่ ณ ที่นั้นก็สลดจิต คิดว่า เราจะปลูกพืชทั้งหลายไว้ในที่นี้ กาลเวลา อย่าได้ล่วงเลยไปเสีย ถ้าหากพวกท่านแผ่วถางทาง เพื่อพระพุทธเจ้า ก็จงให้ทางส่วน ๑ แก่เรา เถอะ ก็เราจะแผ่วถางทางเพื่อเป็นที่เสด็จดำเนินมา พวกเขาได้ให้ทางส่วน ๑ แก่เรา เพื่อจะแผ่วถางทางในกาลนั้น เราคิดว่าพุทโธๆ พลางแผ่งถางทางในกาลนั้น เมื่อทางบางส่วนของเรา ยังไม่สำเร็จ พระชินเจ้าผู้มหามุนี ทรงพระนามว่าทีปังกร พร้อมด้วยพระขีณาสพผู้ทรงคุณจำนวนใหญ่ ก็เสด็จดำเนินมาตามหนทางนั้น การตอนรับก็กำลังเป็นไปอย่างเปี่ยมด้วยศรัทธา ทั้งเทวาด และมนุษย์ ข้อความต่อไปมีว่า ส่วนเรา สะยายผมออก แล้ว เปลื้องผ้าคากอง แล้วลาดหนังเสือไว้บนเปลือกตม นั้นแล้วนอนคว่ำอยู่ ด้วยคิดว่าพระพุทธเจ้า จงทรงเหยียบเราเสด็จไปพร้อมทั้งหมู่สาวก อย่าได้เหยียบบเปลือกตมเลย พระองค์จักอำนวยประโยชน์เกื้อกูลแก่เรา เรานอนบนแผ่นดิน ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า วันนี้เมื่อเราปรารถนา ก็จะฆ่าเหล่ากิเลสได้ การกระทำธรรมให้แจ้งด้วยเพศที่คนเขาไม่รู้จักในที่นี้ จะมีประโยชน์ อะไรแก่เราเล่า เราจะบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ แล้วจะเป็นพระพุทธเจ้า ในมนุษย์ โลกพร้อมทั้งเทวโลก ความเป็นบุรุษ ผู้แสดงความสามารถ ข้ามพ้นได้คนเดียว จักมีประโยชน์ อะไร แก่เราเล่า เราบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ แล้ว จะยังมนุษย์โลกพร้อมทั้งเทวโลกให้ข้ามพ้น ความเป็นบุรุษผู้มีบุญญาธิการซึ่งแสดงความสามารถข้ามพ้นได้คนเดียวนี้ จะมีประโยชน์ อะไรแก่เราเล่า เราบรรลุพระสัพพัญญุตตญาณแล้ว จะยังประชุมชนเป็นอันมากให้ ข้ามพ้น เราจะตัดกระแสแห่ง สังสารจักร์ กำจัดภพทั้ง ๓ แล้วขึ้นธรรมนาวาให้พวกมนุษย์ และเทวดาข้ามพ้น ท่านผู้ฟังคิดอย่างนี้หรือเปล่าคะ คิดที่จะอนุเคราะห์คนอื่นๆ เป็นจำนวนมากให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม ไม่ใช่เพียงแต่ คิดที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมเฉพาะตนคนเดียว
ผู้ฟัง ...
ท่านอาจารย์ คะ เพราะฉะนั้น เวลาที่คิดแล้ว อนุเคราะห์เกื้อกูลบุคคลอื่นไหมคะ ในขณะนี้ ทุกทางที่ท่านสามารถจะกระทำได้ ไม่ว่าจะด้วยการสนทนาธรรม การเกื้อกูล การให้หนังสือธรรม เพื่อบุคคลอื่นจะได้อ่าน ได้พิจารณา ได้อบรมเจริญปัญญาขึ้น ท่านผู้ฟังอาจจะมีหนทาง มากมาย แล้วแต่ความสามารถ ความเกื้อกูลของท่าน ซึ่งจะเกื้อกูลอนุเคราะห์บุคคลอื่น ให้ได้เข้าใจพระธรรมยิ่งขึ้น แล้วแต่ท่านจะทำได้ ในขณะนั้น แม้จะไม่เท่ากับความคิดของสุเมธดาบส ที่จะคิดเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เพียงเป็นผู้ที่บรรลุธรรมแล้วก็เป็นประโยชน์เฉพาะตนเท่านั้น แต่ก็จะเห็นได้ว่า พระมหากรุณาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นมีมากเพียงใด เพราะว่าวันนี้เมื่อเราปรารถนาก็จะฆ่าเหล่ากิเลสได้ เพราะว่เาป็นผู้ที่มีปัญญามาก แต่ว่าการที่จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ไม่ใช่ในวันนั้น คะ แต่ว่าต้องอีก ๔ อสงไขยแสนกัปป ในการที่จะบำเพ็ญพระบารมีประการอื่นๆ ให้พร้อมถึงความที่จะตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยพระองค์เอง