ความซาบซึ้งในพระพุทธคุณวัดได้จากกุศลจิตที่เจริญขึ้น
ผู้ฟัง นี้ผมก็ยังมาสงสัยว่า การสวดมนต์ ขณะที่สวดมนต์ ระลึกถึง ก็ไม่ได้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ก็สวดไป เช่น อิติปิโส อย่างนี้ อรหัง ภควา ก็ท่องไปตามที่มี ขณะนั้นชื่อว่า เจริญพุทธานุสติหรอืไม่
ท่านอาจารย์ ท่องคะ
ผู้ฟัง ขณะที่ท่อง ไม่ได้เจริญพุทธานุสติ
ท่านอาจารย์ อนุสติ เป็นการระลึกถึงพระคุณ ด้วยความเข้าใจในพระคุณ ถ้าไม่รู้ในพระคุณแล้ว จะเข้าใจไหมคะว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระมหากรุณาคุณอย่างไรบ้าง ในเมื่อไม่เข้าใจพระคุณของพระองค์เลย แต่เมื่อเข้าใจแล้ว สามารถที่จะระลึกถึงได้ตลอดวัน และคืน ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ด้วยการประพฤติปฏิบัติตามที่ได้แสดงแล้ว หลายท่านเคยเป็นคนที่โกรธง่าย โกรธมาก โกรธแรง แต่เวลาที่สามารถบันเทาลงได้ เพราะระลึกถึงพระธรรม จะซาบซึ้งในพระคุณทันทีว่า ด้วยเหตุใด อกุศลของท่านในขณะนั้นจึงลดลง แล้วเหตุใดกุศลจึงเพิ่มขึ้น ถ้าไม่ใช่ด้วยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาค ได้ทรงแสดงไว้ เพราะฉะนั้น การเห็นพระคุณ จะเห็นได้ตลอดในขณะที่กุศลจิตที่ไม่เคยเกิด เกิดขึ้น แม้แต่ความเมตตา นี่คะ อาจจะเกิดน้อยมากในกาลก่อน แต่เมื่อได้เห็นคุณ เห็นอานิสงส์ เห็นประโยชน์ ว่าสิ่งใดเป็นคุณ สิ่งใดเป็นโทษ ธรรมที่ได้ยินได้ฟัง นี่คะ ก็เกื้อกูลเป็นปัจจัยให้กุศลธรรมทั้งหลายเจริญงอกงามขึ้น ขณะใดที่เกิดกุศล น้อมระลึกถึงคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทันที เกิดความสงบ เกิดความปีติ ในขณะที่ระลึกถึงพระคุณ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ท่อง คะ แต่เป็นการระลึกถึงพระคุณ เพราะฉะนั้น แต่ก่อนนี้เคยท่องเท่านั้น แต่เวลาที่มีความเข้าใจในพระธรรมยิ่งขึ้น ขณะที่ท่อง ระลึกถึงพระคุณด้วย หรือเปล่า แล้วแต่ขณะจิต เพราะว่าแต่ละขณะ ไม่เหมือนกัน บางครั้งก็อาจจะเป็นเพียงท่อง จบแล้ว ไม่ระลึกถึงพระคุณเลย หรืออาจจะพยายามระลึกบ้าง นิดๆ หน่อยๆ แต่บางครั้งก็เป็นไปด้วยความระลึกถึงพระคุณ ในขณะที่กล่าวถึงพระคุณ