กล่าวน้อยหรือกล่าวมากต้องรู้เองว่าเป็นกุศลจิตหรือไม่


    ผู้ฟัง แล้วก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องจริง เรื่อง ๑ คือ พระที่ท่านขณะที่นั่งสมาธิ แล้วก็ท่องพุทโธๆ ๆ ท่านก็ไม่ได้ระลึก ไม่ได้รู้คุณของพระพุทธเจ้า ว่าคุณของพระพุทธเจ้า มีอย่างไรบ้าง

    ท่านอาจารย์ ทำไมถึงทราบเล่าคะ

    ผู้ฟัง ท่านกล่าวๆ

    ท่านอาจารย์ จิตของท่านเอง ท่านรู้คะ

    ผู้ฟัง ท่านก็กล่าวว่า ก็ในสมัยนั้น ท่านก็ไม่ได้ศึกษาอะไรมากมายแล้วก็ ไม่รู้ซึ้งอะไรมากมาย หรอก

    ท่านอาจารย์ ท่านทราบไหมคะ ว่าพุทโธ หมายความถึงใคร

    ผู้ฟัง ก็หมายความถึงผู้ที่ตรัสรู้ๆ

    ท่านอาจารย์ ท่านมีความเลื่อมใสในบุคคล นั้นไหมคะ

    ผู้ฟัง มี แต่ว่าคุณของท่านมีอะไรบ้าง ท่านก็ยังรู้ไม่มาก หรือ ไม่รู้เลย ก็ได้

    ท่านอาจารย์ ถ้าเกิดปีติ เลื่อมใส แม้เล็กน้อย ในความหมายของพุทโธ ขณะนั้นเป็นกุศลได้ไหม

    ผู้ฟัง ได้สิครับ แต่ทีนี้ท่านก็ใช้คำว่า ภาวนา ท่านก็ภาวนาว่าพุทโธๆ ๆ จนกระทั่ง เวลา ๑ ท่านเกิดปีติ ตัวเบา จนกระทั่งขนชูชัน เสร็จแล้วน้ำตาไหล เกิดจากการปีติ เพราะฉะนั้น การที่ว่าท่องพุทโธๆ ๆ ๆ นี่นะ ถึงแม้จะไม่รู้คุณของพระพุทธเจ้า ว่ามีอะไรบ้าง อานิสงส์ก็มีอยู่ เท่าที่พระท่านเล่า มันก็เป็นอานิสงส์ ทำให้จิตสงบได้ แล้วก็ทำให้สบายได้ โดยไม่ได้รู้คุณของพระพุทธเจ้า ว่ามีอะไรเลย

    ท่านอาจารย์ แล้วอย่างไรคะ เป็นกุศลได้ ใช่ไหมคะ ในขณะนั้น แม้ว่าจะน้อยหรือจะมาก แต่ว่าท่านผู้นั้นต้องรู้เอง คะ


    หมายเลข 4976
    3 ส.ค. 2567