ภาวรูปที่บ่งถึงเพศหญิง-ชายเป็นรูปที่เกิดจากกรรม


    ผู้ฟัง แล้วรูปที่บ่งบอกสภาวะว่าเป็นเพศหญิงเพศชาย อันนี้เป็นของอุตุ หรือเป็นของกรรมครับ

    ท่านอาจารย์ เป็นรูปที่เกิดจากกรรม เพราะฉะนั้น ก็จะไม่มีเลย

    ผู้ฟัง ถ้าคนตายนี้ ลักษณะของการแสดงความเป็นเพศหญิงเพศชายมันยังปรากฏอยู่

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น เวลานี้ คนที่ยังมีชีวิตอยู่เราก็ยังเห็นว่าเป็นหญิง ใช่ไหม แล้วคนที่ตายแล้วเราก็ยังบอกว่าเป็นหญิงอยู่ ใช่ไหม แต่ความจริงสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นอะไร

    สิ่งที่ปรากฏทางตาเปลี่ยนไม่ได้เลย เป็นรูปชนิดหนึ่งซึ่งกระทบจักขุปสาท ปรากฏแล้วดับ แต่สืบต่อเร็ว จนกระทั่งสัญญาความจำ เพราะฉะนั้น สัญญาเป็นเจตสิกอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีความสำคัญมาก นอกจากเวทนาเจตสิกซึ่งเป็นสภาพรู้สึก ซึ่งทุกคนแสวงหาต้องการแต่สุขเวทนา ก็ยังมีสัญญาเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพจำ ซึ่งเกิดกับจิตทุกขณะ มิฉะนั้นแล้วเราไม่สามารถจะจำอะไรได้เลย แต่เราไม่รู้ว่าสัญญาเป็นสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับ ด้วยความไม่รู้ก็ทำให้เราว่าเห็นสิ่งต่างๆ “นิจจัง” คือเที่ยงไม่ได้เกิดไม่ได้ดับเลย

    เพราะฉะนั้น สัญญาที่จำว่ารูปร่างลักษณะอย่างนี้เป็นหญิง รูปร่างลักษณะอย่างนั้นเป็นชาย แต่ตัวภาวรูปซึ่งเป็นรูปที่เกิดจากกรรม ซึ่งซึมซาบอยู่ทั่วตัว ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ มีการให้รูปที่ปรากฏมีลักษณะของหญิง หรือชาย แต่ว่าลองดูจริงๆ นี่ก็เป็นเรื่องของสัญญาโดยตลอด

    ในเรื่องของหญิง หรือชายเช่น ตุ๊กตา พอเห็นหุ่นในร้าน รู้ไหมว่าหญิง หรือชาย หุ่นหญิง หรือหุ่นชาย แต่ไม่มีภาวรูปเลย นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าสัญญา ความจำ จำในสิ่งที่ปรากฏ และก็มีการยึดถือว่าลักษณะนั้นเป็นหญิง แม้ว่าเป็นตุ๊กตา หรือหุ่นก็ยังเป็นหญิง แต่ความจริงไม่มีภาวรูปเลย ก็เป็นการที่เราจะได้เข้าใจสภาพธรรมที่ถูกต้องว่าสัญญาเป็นสิ่งที่มีจริง ก็เริ่มตั้งแต่เกิด และค่อยๆ สะสม ค่อยๆ จดจำ ทุกอย่าง จนกระทั่งเหมือนกับสิ่งที่ปรากฏ เป็นสิ่งที่เที่ยง และก็ไม่ดับเลย นั่นคืออัตตสัญญา นิจจสัญญา


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 5


    หมายเลข 4993
    4 ก.ย. 2567