สมณะผู้ทราบชัดในธาตุ ๔ ย่อมได้รับสมมติว่าเป็นสมณะ


    สมณพราหมณสูตร ที่ ๓

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์บางพวกย่อมไม่ทราบชัดซึ่งปฐวีธาตุ เหตุเกิดแห่งปฐวีธาตุ ความดับแห่งปฐวีธาตุ ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งปฐวีธาตุ

    อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ก็โดยนัยเดียวกัน

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    สมณะหรือพราหมณ์พวกนั้น ย่อมไม่ได้รับสมมติว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ ไม่ได้รับสมมติว่า เป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ และท่านเหล่านั้นย่อมไม่กระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ หรือประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ส่วนสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ย่อมทราบชัดซึ่งปฐวีธาตุ เหตุเกิดแห่งปฐวีธาตุ ความดับแห่งปฐวีธาตุ ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งปฐวีธาตุ

    อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ก็โดยนัยเดียวกัน

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    สมณะ หรือพราหมณ์พวกนั้นย่อมได้รับสมมติว่า เป็นสมณะในหมู่สมณะ ได้รับสมมติว่า เป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ และท่านเหล่านั้นย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ หรือประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ดังนี้

    ดูเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น สมณะกับพราหมณ์ แต่ความจริงไม่ใช่ เรื่องของท่านผู้ฟังเองที่กำลังจะเจริญสติปัฏฐาน หรือที่กำลังเจริญสติปัฏฐาน เพราะเหตุว่า คำว่า “สมณะ” หมายความถึงความเป็นผู้สงบ หรือผู้สงบ หรือธรรมของผู้สงบ คำว่า “พราหมณ์” หมายความถึงผู้ประเสริฐ

    ท่านที่กำลังเจริญสติปัฏฐาน เป็นสมณะหรือเป็นพราหมณ์ เพราะความหมายที่ว่ากำลังเจริญข้อประพฤติปฏิบัติของผู้สงบ ผู้ดำเนินไปสู่ความสงบจากกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นผู้ประเสริฐคือผู้ที่ดำเนินไปสู่ความสงบจากราคะ โทสะ โมหะ แต่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ก็สมณะหรือพราหมณ์บางพวก ย่อมไม่ทราบชัดซึ่งปฐวีธาตุ เหตุเกิดแห่งปฐวีธาตุ ความดับแห่งปฐวีธาตุ ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งปฐวีธาตุ แล้วก็ธาตุอื่นๆ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ

    สมณะหรือพราหมณ์พวกนั้นย่อมไม่ได้รับสมมติว่าเป็นสมณะในหมู่สมณะ ไม่ได้รับสมมติว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ และท่านเหล่านั้นย่อมไม่กระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ หรือประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่

    ไม่มีผู้ที่เจริญสติปัฏฐานแล้วไม่รู้ลักษณะของธาตุที่ปรากฏที่กาย สิ่งนั้นปรากฏแล้ว ก็เป็นผู้เจริญสติเพื่อให้ปัญญารู้ชัด ถ้าไม่รู้ชัดในสิ่งที่กำลังปรากฏแล้วปัญญาจะรู้อะไร เพราะฉะนั้น ท่านเป็นผู้ที่รู้ชัดในปฐวีธาตุแล้วหรือยัง ถ้าไม่รู้ซึ่งความเกิด ซึ่งความดับ ซึ่งข้อปฏิบัติให้รู้ชัดในความเกิด ความดับแล้ว จะไม่ใช่สมณะในหมู่สมณะ ไม่ใช่พราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ ไม่มีปัญญาที่รู้ชัดที่จะละคลายกิเลสได้

    ข้ามไม่ได้ อย่าไปหลงแสวงหาสิ่งอื่นที่ไม่ปรากฏด้วยความเข้าใจผิด แต่ละเลยที่จะพิจารณาแล้วรู้ชัดสิ่งที่กำลังปรากฏ นี่เป็นพระดำรัสโดยตรงจากพระไตรปิฏก


    หมายเลข 5013
    2 ส.ค. 2567