กรรมที่เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยมีกำลังให้จิตต่างๆ เกิด
กรรมมีมากมายนับไม่ถ้วนทั้งในชาตินี้ ในชาติก่อน ในอดีตอนันตชาติ แต่ขณะที่ได้รับผลของกรรมหนึ่งกรรมใด ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ให้ทราบว่าในขณะนั้นกรรมที่เป็นปกตูปนิสสยปัจจัย ทำให้วิบากจิตเกิดขึ้นหรือทำให้กุศลจิตเกิดได้ไหมคะ
ในวันหนึ่งๆ มีจิตซึ่งเป็นกุศลจิตบ้างอกุศลจิตบ้าง วิบากจิตบ้าง กิริยาจิตบ้าง วิบากจิตเป็นผลของกุศลและอกุศลซึ่งได้กระทำแล้ว อาจจะเป็นกุศลในชาตินี้เอง หรือในชาติก่อน หรือในอดีตอนันตชาติมาแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นขณะใดที่กำลังเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นการรับผลของกรรมหนึ่ง หรือว่าขณะที่ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัสทางกาย ขณะเหล่านั้นเป็นวิบากจิตซึ่งเป็นผลของอดีตกรรม แต่เพราะเหตุว่ากรรมมีมากเหลือเกิน ขณะใดซึ่งกรรมใดให้ผลทางตา ทำให้จักขุวิญญาณเกิดขึ้น ทำให้โสตวิญญาณเกิดขึ้นเหล่านี้แสดงว่ากรรมนั้นเป็นกรรมที่มีกำลัง เป็นปกตูปนิสสยปัจจัย จึงสามารถทำให้วิบากจิตเกิดขึ้นได้ตอนหนึ่งนะคะ และกรรมนั้นเองจะเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้กุศลจิตเกิดได้ไหมคะได้
เพราะฉะนั้นเมื่อกี้นี้ กล่าวถึงกุศลกรรมเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้อัพยากตจิตเกิด คือ ให้มีการเห็นการได้ยิน ได้กลิ่น การได้ลิ้มรส การรู้กระทบสัมผัสทางกาย แต่ไม่ใช่เพียงแต่ให้วิบากเกิด แม้กุศลกรรมที่ได้กระทำแล้ว ก็เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้กุศลจิตเกิดได้ เพราะเหตุว่าการสะสมสืบต่อที่ได้กระทำมาแล้วด้วยดี เป็นปกตูปนิสสยปัจจัย เป็นปกติ เป็นอุปนิสัยโดยปกติ จึงทำให้กุศลจิตประเภทนั้น ๆเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นอกุศลก็เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้อกุศลจิตเกิดอีกได้ หรือเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้อกุศลวิบากจิตเกิดได้ หรือยิ่งกว่านั้นเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้กุศลจิตเกิดก็ได้
นี่เป็นความกว้างขวางของปกตูปนิสสยปัจจัยแสดงให้เห็นว่านามธรรมขณะหนึ่งๆ ซึ่งเกิดขึ้นย่อมเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยที่จะให้นามธรรมข้างหน้าเกิดขึ้นต่อ ๆ ไปอีก ตามประเภทของนามธรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ๆ
ชาตินี้ท่านผู้ฟังทำกุศลประเภทนี้ไว้ ชาติหน้าท่านผู้ฟังก็จะกระทำกุศลประเภทนี้อีกนั่นแหละ เพราะเหตุว่ากุศลประเภทที่ท่านทำในชาตินี้ เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยที่จะทำให้กุศลประเภทนี้เกิดอีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของทาน ในเรื่องของศีล ในเรื่องของการศึกษาอบรมเจริญปัญญา