ธรรมเครื่องอยู่ของพระอริยสาวกต่างจากพระพุทธเจ้า
ผู้ฟัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าใครถามว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ส่วนมากอยู่ด้วยธรรมอะไร เธอจงบอกเขาว่าพระพุทธเจ้า ทั้งหลายส่วนมากอยู่ด้วยอานาปานสติ แต่ทีนี้ทำไม สาวกทั้งหลายอยู่ด้วยอนุสติ ๖ ทั้งๆ ที่เป็นพระอริยบุคคล อารมณ์ที่ต่างกันเป็นอย่างนั้น
ท่านอาจารย์ พระพุทธเจ้า จะระลึกถึงพระพุทธคุณไหม คะ มีพระคุณของพระพุทธเจ้า พระองค์ไหน จะต้องทรงระลึกถึงไหม
ผู้ฟัง อันนี้ไม่ระลึกแน่ครับ แต่ว่าพระอริยสาวกทั้งหลาย ถ้าส่วนใหญ่ จะอยู่ในอานาปานสติ ไม่ได้หรือครับ
ท่านอาจารย์ นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอานาปานสติไม่ได้สาธารณะทั่วไป กับทุกบุคคล ไม่ใช่ของง่ายคะ การที่จะเจริญอานาปานสติ สำหรับบุคคล เช่น มหาบุรุษ มีพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น แต่เจ้าศากยะนามว่ามหานามะ ทูลถามถึง ธรรมสำหรับพระ อริยสาวกส่วนมาก แล้วส่วนมากของพระอริยสาวกเป็นพระอรหันต์ หรือพระโสดาบัน มีพระสูตร ๑ ที่แสดงว่า สาวกทั้งหลายของพระผู้มีพระภาค นั้น มีพระโสดาบัน มากว่าบุคคลอื่น ข้อนี้ก็เป็นของธรรมดา ว่าผู้ที่จะบรรลุคุณธรรม ถึงความเป็นพระอรหันต์ นั้น ย่อมมีน้อยกว่า ผู้ที่บรรลุคุณธรรมเป็นโสดาบันบุคคล ปุถุชนกับพระโสดาบันบุคคล บุคคลไหนมีมากกว่า ต้องเป็นปุถชน เพราะฉะนั้น ในบรรดา ท่านที่รู้แจ้งสัจธรรมนั้น ผู้ที่บรรลุเป็นพระโสดาบันบุคคล มีมากกว่าเป็นผู้ที่เป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น การที่จะเจริญสมถะในชีวิตประจำวัน ของพระอริยเจ้าทั้งหลาย เป็นส่วนมาก ท่านจะไม่ มีการที่จะไปกระทำอย่างอื่น โดยเว้นการเป็นผู้มีปกติ เจริญสติปัฏฐาน เมื่อเป็นผู้ที่มีปกติเจริญสติปัฏฐาน แล้วเวลาที่กุศลจิต น้อมระลึกถึงพระคุณ ของพระรัตนไตร น้อมระลึกถึงพระคุณ ของพระรัตนไตร น้อมระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาค ของพระธรรม และของพระอริยสาวก ในขณะนั้นย่อมเกิดขึ้นเป็นไป ในขณะที่สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น ธรรมที่พระอริยทั้งหลาย อยู่เป็นส่วนมาก ก็คือ อนุสติ ๖ ไม่ใช่อนุสติ ๑๐ ไม่ใช่อานาปานสติ ไม่ใช่กายคตาสติ