การระลึกถึงพระธรรม


    ข้อความต่อไป พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    หากพวกเธอไม่ตามระลึกถึงเรา ทีนั้นพวกเธอพึงตามระลึกถึงพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว บุคคลพึงเห็นได้เอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดูได้ ควรน้อมเข้าไปในตน อันวิญญูชนพึงรู้แจ้งได้เฉพาะตน ดังนี้

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าเมื่อพวกเธอตามระลึกถึงพระธรรมอยู่ ความกลัวก็ดีความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี ที่จักมีขึ้นก็จักหายไป

    แล้วแต่อัธยาศัย พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ไม่ใช่ทุกคนจะระลึกถึงพระพุทธคุณทุกครั้ง บางครั้งก็ระลึกถึงพระธรรมคุณ แล้วแต่โอกาสว่า เมื่อไม่ระลึกถึงพระพุทธคุณก็ระลึกถึงพระธรรมคุณ แต่พระธรรมคุณนี่ไม่ใช่ธรรมดา เป็นโลกุตตรธรรม ซึ่งยากสำหรับผู้ที่ไม่รู้แจ้งอริยสัจธรรมที่จะระลึกถึงได้ แต่แม้กระนั้นการที่จะมีโลกุตตรจิต โลกุตตรธรรมได้ ก็ต้องเป็นผู้มีปริยัติธรรม คือ การศึกษา การฟังพระธรรม จนกระทั่งมีความเข้าใจ และประพฤติปฏิบัติตาม อบรมเจริญสติปัฏฐาน เจริญปัญญา จนกระทั่งเข้าใกล้การที่จะบรรลุอริยสัจธรรม จะทำให้ระลึกถึงคุณของพระธรรมได้มั่นคงขึ้น แล้วก็สงบขึ้น ซึ่งท่านผู้ฟังจะเห็นได้ว่า เวลาที่ไม่ได้ฟังธรรมบ่อยๆ หรือว่าขาดการฟังธรรม หรือขาดการเจริญกุศลธรรม หรือขาดการเจริญธรรมซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรม ได้แก่ การเจริญสติปัฏฐาน จะไม่ค่อยระลึกถึงพระธรรมคุณ ใช่ไหมคะ แต่ถ้าฟังบ่อยๆ แล้วไม่ลืม แล้วก็ประพฤติปฏิบัติตามด้วย ก็ยิ่งเห็นคุณของพระธรรมที่ปฏิบัติ จนกระทั่งระลึกถึงคุณของพระธรรมได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการอุปการะแก่สติที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ซึ่งเป็นการอุปการะแก่การรู้แจ้งอริยสัจธรรม เป็นโลกุตตรธรรม


    หมายเลข 5182
    3 ส.ค. 2567