กว่าจะเข้าใจอนัตตา
เพราะว่าคำว่า “อนัตตา” ตรงกันข้ามกับคำว่า “อัตตา” ถ้าแปลตรงๆ อัตตาก็คือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด รวมทั้งเราขณะนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด รวมกันไม่มีการแตกดับ ไม่มีการเสื่อมสลายในขณะที่กำลังเห็น ในขณะที่กำลังคิดนึก แต่ผู้ที่ได้ตรัสรู้แล้ว ทรงแสดงว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่เป็นใคร ทั้งๆ ที่กำลังนั่งขณะนี้ การฟังธรรมด้วยความเคารพก็คือความจริงเป็นอย่างไร ความจริงธรรมเป็นธรรม เป็นอนัตตา แต่ว่าตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้เห็นอย่างนั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่ตรงว่า แม้ขณะนี้พระผู้มีพระภาคจะได้ตรัสรู้ และทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียดทุกประการ โดยประการทั้งปวง เพื่อที่จะทรงอนุเคราะห์ให้ผู้ฟังค่อยๆ เริ่มเห็นความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม แต่กว่าจะประจักษ์ความจริงของธรรมได้ ก็จะเห็นได้ว่า ประวัติของพระสาวกแต่ละท่าน ไม่ใช่เพียงฟังธรรมครั้งเดียว แล้วสามารถรู้แจ้งธรรมในขณะนี้ได้ แต่ต้องอาศัยความอดทน ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง