ควรพิจารณาความเป็นอสุภะในแง่ไหน


    ผู้ฟัง ความเป็นอสุภะนี้จะเป็นการพิจารณาในแง่ไหน คือจะพิจารณาในแง่ของความเป็นธาตุ หรือพิจารณาในแง่ของความเป็นปฏิกูล

    ท่านอาจารย์ เวลานี้มีการเห็น ยังไม่เป็นอสุภะ มีการได้ยิน มีกลิ่น มีโผฏฐัพพารมณ์ธัมมารมณ์กำลังปรากฏ ผู้ที่สามารถระลึกรู้ลักษณะของนาม และรูปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจได้ ก็ระลึกรู้ แต่เพราะเหตุว่าวันหนึ่งๆ หลงลืมสติกันมากทีเดียว แม้จะเห็นอสุภะก็ไม่ระลึก อาจจะเข้าใจว่า ขณะนั้นเจริญสติปัฏฐานไม่ได้ จึงไม่ระลึกรู้ความเป็นอสุภะของสิ่งที่กำลังปรากฏ จากกายภายนอกก่อนก็ได้ แล้วจึงจะน้อมมาระลึกถึงความเป็นอสุภะที่จะต้องเป็นซากศพในวันหนึ่ง แต่ว่าความรวดเร็วของจิต ความรวดเร็วของอารมณ์ ความรวดเร็วของสติ ไม่ใช่มีผู้หนึ่งผู้ใดไปวางกฎเกณฑ์ว่า ให้ระลึกเป็นขั้นๆ อย่างไร เพราะเหตุว่าในขณะที่ระลึกเช่นนั้นแล้ว สติอาจจะเกิดขึ้นรู้ว่า แม้การระลึกอย่างนั้นก็เป็นนามชนิดหนึ่งเท่านั้น จึงจะตรงกับสติปัฏฐาน แต่อสุภะเป็นเครื่องให้ระลึก ไม่ควรที่จะให้เห็นอสุภะแล้วหลงลืมสติ แต่ทั้งหมดเพื่อให้รู้ชัดในลักษณะของนาม และรูปที่กำลังปรากฏ แต่ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้น เป็นเครื่องให้ระลึกได้ ถ้าไม่ตรัสไว้ในสติปัฏฐานสูตร เวลาที่ท่านผู้หนึ่งผู้ใดเห็นอสุภะ จะระลึกไหม ไม่ระลึก เพราะคิดว่าเจริญสติปัฏฐานไม่ได้ แต่ความจริงแล้วทุกขณะทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเห็นอะไรก็ตาม ถ้าเนื่องกับกาย ก็เป็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน แม้แต่เห็นอสุภะที่ขึ้นพอง แทนที่จะผ่านไป ก็ขอให้เป็นที่ให้สติระลึก และปัญญารู้ชัดในลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนั้น


    หมายเลข 5235
    2 ส.ค. 2567