ความจริงของกายนี้คือกระดูกที่ยังไม่เรี่ยราย


    ข้อความต่อไปมีว่าข้อความต่อไปนี้ว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุเหมือนกะว่า พึงเห็นสรีระที่เขาทิ้งไว้ในป่าช้า คือ เป็นกระดูกปราศจากเส้นเอ็นผูกรัดแล้ว เรี่ยรายไปในทิศใหญ่ ทิศน้อย คือ กระดูกมือไปทางหนึ่ง กระดูกเท้าไปทางหนึ่ง กระดูกแข้งไปทางหนึ่ง กระดูกขาไปทางหนึ่ง กระดูกสะเอวไปทางหนึ่ง กระดูกหลังไปทางหนึ่ง กระดูกสันหลังไปทางหนึ่ง กระดูกสีข้างไปทางหนึ่ง กระดูกหน้าอกไปทางหนึ่ง กระดูกไหล่ไปทางหนึ่ง กระดูกแขนไปทางหนึ่ง กระดูกคอไปทางหนึ่ง กระดูกคางไปทางหนึ่ง กระดูกฟันไปทางหนึ่ง กะโหลกศีรษะไปทางหนึ่ง เธอย่อมน้อมเข้ามาสู่กายนี้แหละว่า ถึงร่างกายอันนี้เล่าก็มีอย่างนี้เป็นธรรมดา คงเป็นอย่างนี้ ไม่ล่วงความเป็นอย่างนี้ไปได้ ดังพรรณนามาฉะนี้

    ภิกษุย่อมพิจาณาเห็นกาย ในกายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกาย ในกายภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นกาย ในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือ ความเกิดขึ้นในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือ ความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือ ทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความเสื่อมในกายบ้าง ย่อมอยู่

    อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหา และทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นกายในกายอยู่

    ละเอียดดี ที่ทุกคนกำลังมี แต่ยังไม่กระจัดกระจาย ยังไม่เรี่ยรายไปในทิศใหญ่ทิศน้อย แต่ผูกรัดไว้ด้วยเอ็น ฉาบไว้ด้วยเนื้อ แต่ว่าความจริงก็เป็นกระดูกแต่ละชิ้น แต่ละส่วนจริงๆ ที่สามารถจะกระจัดกระจายออกเมื่อไรก็ได้ ในพริบตานี้ก็ได้ ถ้ามีเหตุปัจจัยที่จะทำให้เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่สิ่งที่มั่นคงแข็งแรงที่จะตั้งมั่น ไม่ให้เสื่อมไม่ให้กระจัดกระจายอย่างนั้นเลย แต่ว่าสภาพตามความเป็นจริงแล้ว สามารถกระจัดกระจายได้ทุกขณะที่มีเหตุปัจจัยที่จะให้เป็นอย่างนั้น

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นอสุภะ ซากศพ ก็น้อมมาสู่กาย เพื่อจะละคลายความพอใจ ความยินดี ความเห็นผิดยึดถือในร่างกายได้ แล้วก็อย่าลืมว่าเมื่อระลึกอย่างนั้นแล้ว สติก็ระลึกรู้ลักษณะของนามของรูป แล้วก็รู้ชัดด้วยปัญญาว่า สภาพธรรมเหล่านั้นไม่ใช่ตัวตน ก็จะได้เห็นธรรม คือ ความเกิดขึ้นในกายบ้าง ธรรม คือ ความเสื่อมในกายบ้าง แล้วก็เห็นธรรม คือ ทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความเสื่อมในกายบ้าง โดยที่ว่าไม่ละเลยโอกาสที่จะให้สติเกิดขึ้นเวลาที่ได้พบกับอสุภะต่างๆ เหล่านั้น


    หมายเลข 5299
    2 ส.ค. 2567