ทุกสิ่งที่แวดล้อมเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้เกิดนามธรรม


    ยังมีข้อสงสัยอะไรอีกไหมคะ

    สำหรับปกตูปนิสสยปัจจัย ถ้าจะนึกทบทวนว่า ปกตูปนิสสยปัจจัยคืออะไร

    ปกตูปนิสสยปัจจัยก็คือทุกอย่างที่เป็นที่อาศัยที่มีกำลังเป็นปกติเป็นปัจจัยให้เกิดนามธรรม คือจิตเจตสิกในชีวิตประจำวัน ทุกภพทุกชาติ แม้ในชาติก่อน ๆ และในชาติปัจจุบัน และในชาติอนาคตต่อไปด้วย

    ซึ่งจะเห็นได้ว่า ชีวิตประจำวันของแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย แต่ที่ชีวิตของแต่ละคนจะต่างกันไปตามเหตุการณ์แต่ละอย่างในแต่ละวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นในครั้งอดีตเนิ่นนานมาแล้วก็ไม่เหมือนกัน ก็ต่างกันอย่างนี้ เช่นอดีตประวัติของพระเถระ พระเถรีอรหันต์ทั้งหลาย หรือแม้แต่อุบาสกอุบาสิกาที่มีชีวิตปรากฏในพระไตรปิฎก หรือนอกพระไตรปิฎก คือที่ไม่ได้แสดง ไม่ได้กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก แม้ในสมัยก่อนนั้นอีก คือในสมัยของชาดก เรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต ในพระชาติต่าง ๆ ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง หรือแม้ในชาติปัจจุบันที่พระผู้มีพระภาพทรงตรัสรู้ หรือแม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาจนกระทั่งถึงในสมัยปัจจุบันนี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ยังคงต่างกันไปตามปัจจัยของแต่ละคนที่สะสมมาแล้วเกิดขึ้นเป็นไปอย่างนั้นในชีวิตประจำวัน

    ขอให้คิดดูในวันหนึ่ง ๆก็ได้ ขณะที่อยู่ที่บ้าน ที่บ้านก็มีหลายคนแน่ ไม่ใช่มีคนเดียว เพียงครอบครัวเดียว คือบ้านเดียวอยู่ใกล้กัน คือ อยู่ในบ้านเดียวกันแท้ ๆ จิตใจของแต่ละคนในขณะนั้นเหมือนกันหรือเปล่า ที่อยู่ก็ไม่เหมือนกัน บางคนขณะนั้นอาจจะอยู่ในครัว อีกคนหนึ่งกำลังอ่านหนังสือ อีกคนหนึ่งอาจจะทำสวน

    เพราะฉะนั้นแม้แต่ในสถานที่เดียวกันใกล้ชิดกัน เหตุการณ์ของแต่ละคนที่เกิดขึ้นในชีวิตก็ต่างกัน และจิตใจซึ่งกำลังคิดนึกเรื่องราวต่าง ๆของแต่ละคนก็ยิ่งต่างกันไปตามความวิจิตรของทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีกำลังที่ทำให้นามธรรมคือ จิตและเจตสิกเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้น เป็นปกตูปนิสสยปัจจัย

    เรียกว่าเป็นชีวิตปกติประจำวันธรรมดาจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่แวดล้อมเป็นปกตูปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยที่มีกำลังตามปกติของสภาพธรรมนั้น ๆ ที่จะทำให้นามธรรมคือ จิตและเจตสิกเกิดขึ้นเป็นไปในแต่ละขณะ ไม่ว่าจะเป็นวิบากจิตจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะเหตุว่ากรรมนั้น ๆมีกำลังจึงทำให้วิบากจิตประเภทนั้น ๆเกิดขึ้นทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย และเมื่อวิบากจิตเกิดขึ้นเห็นสิ่งต่าง ๆ หรือได้ยินสิ่งต่าง ๆ แล้ว แม้กุศลหรืออกุศล ไม่ว่าจะเป็นโลภมูลจิต หรือโทสมูลจิตก็ตามที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะปกตูปนิสสยปัจจัย โลภเจตสิกประเภทนั้น ๆ โทสเจตสิกประเภทนั้น ๆ หรือกุศลสัทธาประเภทนั้น ๆ กุศลกรรมที่เป็นทานบ้าง เป็นศีลบ้าง ประเภทนั้น ๆ เคยสะสมมาเป็นปกติ ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเลย แต่เมื่อมีกำลังก็ทำให้กุศลธรรมหรืออกุศลธรรมนั้น ๆ เกิดขึ้นเป็นไป


    หมายเลข 5315
    28 ส.ค. 2558