รูปใดที่ปรากฏเป็นอารมณ์ จึงจะรู้ความจริงได้
ขณะนี้ท่านผู้ฟังทราบว่า ที่ร่างกายของแต่ละบุคคลมีรูปหลายรูป หลายกลุ่มประชุมรวมกัน มีอากาศธาตุคั่นอยู่ทุกกลาปหรือทุกกลุ่มของรูปและแต่ละกลาป และบางกลาปเกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นสมุฏฐาน บางกลาปเกิดขึ้นเพราะจิตเป็นสมุฏฐาน บางกลาปเกิดขึ้นเพราะอุตุเป็นสมุฏฐาน บางกลาปเกิดขึ้นเพราะอาหารเป็นสมุฏฐาน
แต่เวลานี้ไม่ปรากฏว่ารูปเกิด – ดับใช่ไหมคะ ทั้ง ๆ ที่โดยการศึกษาทราบว่า กลุ่มของรูปแต่ละกลุ่มแต่ละกลาปซึ่งเกิดอยู่นี้ กำลังทยอยกันดับไป อุปมาเหมือนงาในกระทะร้อน ๆ ซึ่งก็แตกดับอยู่ตลอดเวลา เวลานี้ เพราะฉะนั้นจะเห็นความจริงว่า ถึงแม้ว่ารูปที่ร่างกายจะมีมากมายหลายรูป ไม่ใช่เพียงกลุ่มเดียวหรือกลาปเดียว เพราะเหตุว่าถ้าแตกย่อยลงไป โดยที่อากาศธาตุที่คั่นอยู่ ย่อมมีมากมายหลายพันหลายหมื่นกลาปทีเดียวเพราะเหตุว่าร่างกายสามารถแตกย่อยเป็นส่วนเล็กที่สุดได้ แต่มีความสำคัญอะไรไหมคะ ถ้ารูปนั้น ๆ ไม่ปรากฏเป็นอารมณ์ของจิต รูปทุกรูปกำลังแตกดับไป ไม่มีใครเดือดร้อนเลยใช่ไหม ในขณะที่ทุกท่านกำลังนั่งอยู่ที่นี่รูปที่ร่างกายของแต่ละบุคคลนี้กำลังทยอยกันเกิด – ดับไปอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครปรากฏว่าเดือดเนื้อร้อนใจเลยทั้ง ๆ ที่รูปกำลังเกิด – ดับ และนามธรรมก็กำลังเกิด – ดับ
เพราะฉะนั้นรูปใดก็ตามซึ่งไม่ปรากฏ ไม่มีความสำคัญอะไรเลยทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่ว่า มีรูปนั้น ๆและกำลังเกิด – ดับอยู่ก็จริง แต่ถ้ารูปใดไม่ปรากฏเป็นอารมณ์ รูปนั้น ๆ ไม่มีความสำคัญอะไร แต่รูปใดซึ่งกำลังปรากฏ รูปนั้นจึงจะสามารถให้ความจริงได้
เมื่อรู้อย่างนี้ การที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะของรูปตามความเป็นจริง จึงต้องเป็นรูปที่ปรากฏ แต่ละรูปแต่ละอย่าง ไม่ใช่ปรากฏรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน แต่ต้องเป็นรูป ๆ เดียวที่ปรากฏทางหนึ่งทางใด จะเป็นทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย เวลาที่ท่านผู้ฟังกระทบสัมผัสส่วนหนึ่งส่วนใดของกายท่านรู้รูปอื่นทั่วตัวหรือรู้เฉพาะรูปแข็ง หรือรูปอ่อน หรือรูปเย็น หรือรูปร้อนที่ปรากฏตรงส่วนนั้นของกาย
รู้รูปไหน ? เวลานี้ทั้งตัวนี้เป็นรูปทั้งนั้นกำลังเกิด – ดับ แต่ขณะใดก็ตามรูปใดที่กระทบส่วนใดของกาย สภาพรู้ ธาตุรู้ รู้เฉพาะรูปที่ปรากฏตรงส่วนที่กระทบกาย รูปนั้นซึ่งอาจจะเป็นรูปแข็ง หรือรูปอ่อน หรือรูปร้อน หรือรูปเย็น หรือรูปไหว หรือรูปตึงก็ได้ จะรู้เฉพาะตรงนั้นรูปเดียว หรือจะรู้รูปอื่นที่ตัวทั่วทั้งกายไปหมด ตามความเป็นจริงที่ถูกต้อง
รู้เฉพาะตรงส่วนที่ปรากฏใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นในขณะนั้นที่จะประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนได้ ก็ในขณะที่รูปนั้นเท่านั้นที่กำลังปรากฏ
เพราะฉะนั้นการอบรมเจริญสติปัฏฐานต้องเพิกอิริยาบถ ไม่ใช่รู้รวมทั้งหมด แต่รู้เฉพาะลักษณะของรูปที่ปรากฏ ตรงส่วนที่กระทบ ที่ถือว่าเป็นกายของเรา แต่ว่าลักษณะตามความเป็นจริง คือเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหวเท่านั้น