รูปที่เป็นปุเรชาตปัจจัย รูปนั้นต้องเกิดก่อนจิต


    สำหรับวันนี้เป็นเรื่องของปุเรชาตปัจจัย ซึ่งหมายความถึงรูปซึ่งเกิดก่อน แล้วยังไม่ดับไปเป็นปัจจัยให้นามธรรมคือจิตและเจตสิกเกิด

    ถ้ารูปซึ่งเกิดเพราะกรรมเป็นสมุฏฐาน ๑๗ ขณะแล้วดับไป โดยไม่เป็นปัจจัยให้นามธรรม คือ ไม่เป็นปัจจัยให้จิตและเจตสิกเกิด รูปนั้นก็ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย เพราะเหตุว่าไม่เป็นปัจจัยให้นามธรรมเกิด เฉพาะรูปใดก็ตามซึ่งเกิดแล้วยังไม่ดับเป็นปัจจัยให้นามธรรมเกิด พระผู้มีพระภาคทรงแสดงกาล คือ การเป็นปัจจัยกันว่ารูปต้องเกิดก่อน เพื่อไม่ให้เข้าใจผิด ในการที่จะรู้แจ้งลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมนั่นเอง

    สำหรับ“ปุเรชาตปัจจัย”ก็มี ๒ อย่าง คือ

    “วัตถุปุเรชาตปัจจัย”หรือ“ปุเรชาตนิสสยปัจจัย”หรือจะเรียกว่า “วัตถุปุเรชาตนิสสยปัจจัย”ก็ได้หมายความถึงรูปซึ่งเป็นที่อาศัยเป็นที่เกิดของจิต โดยเป็นสภาพธรรมที่เกิดก่อนจิตแล้วยังไม่ดับ

    อีกอย่างหนึ่ง คือ “อารัมมณปุเรชาตปัจจัย” ได้แก่ รูปซึ่งเป็นอารมณ์ของจิต ซึ่งรูปที่จะเป็นอารมณ์ของจิตได้ รูปนั้นต้องเกิดก่อนจิต

    แสดงให้เห็นว่า การที่รูปใด ๆ ก็ตามจะเป็นปัจจัยให้เกิดจิตได้ รูปนั้นต้องเกิดก่อน แล้วยังไม่ดับ จึงเป็นปัจจัยได้ แต่ถ้ารูปใดเกิดแล้วดับไปโดยนามธรรมไม่เกิด รูปนั้นก็ไม่เป็นปัจจัยของจิต


    หมายเลข 5331
    27 ส.ค. 2558