เจริญกายคตาสติ รู้นามได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะรู้แต่รูป ไม่รู้นาม
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ กายคตาสติสูตร มีข้อความว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไรๆ ก็ตาม เจริญกายคตาสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ชื่อว่า เจริญแล้ว ทำให้มากซึ่งกุศลธรรม ส่วนวิชชาอย่างใดอย่างหนึ่ง อันรวมอยู่ในภายในด้วย
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคลไรๆ ก็ตาม นึกถึงมหาสมุทรด้วยใจแล้ว ชื่อว่านึกถึงแม่น้ำน้อยที่ไหลมาสู่สมุทรสายใดสายหนึ่งอันรวมอยู่ในภายในด้วยฉันใด ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุไรๆ ก็ตามเจริญกายคตาสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ชื่อว่าเจริญ และทำให้มากซึ่งกุศลธรรมส่วนวิชชาอย่างใดอย่างหนึ่ง อันรวมอยู่ในภายในด้วย
จะต้องพิจารณารู้ลักษณะของรูปว่าเป็นรูป รู้ลักษณะของนามว่าเป็นนาม และสภาพของสิ่งที่ปรากฏที่สติระลึกนั้นก็ชั่วขณะเล็กน้อยเท่านั้นแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีสติสัมปชัญญะก็ระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏต่อไป เวทนาที่เกิดที่กายก็รู้ว่าเป็นเวทนา ถ้าเป็นผู้ที่ชื่อว่ามีสติแล้ว สติระลึกสิ่งใด สิ่งนั้นดับแล้ว ก็เป็นผู้ที่มีสติระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏต่อไป
ถ้าเป็นผู้ที่ชื่อว่ามีสติแล้ว สติระลึกสิ่งใด สิ่งนั้นดับแล้ว ก็เป็นผู้ที่มีสติระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏต่อไปตามความเป็นจริง ไม่ใช่รู้แต่เฉพาะรูป นามก็รู้ด้วย ในอานาปานบรรพ คงจะเห็นได้ว่า แม้ปีติที่เกิดก็รู้ สุขที่เกิดก็รู้