ความดำริของสันทานคฤหบดีต่อการไปพบพระผู้มีพระภาค
ในคราวก่อนได้กล่าวถึง อุทุมพริกสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค มีข้อความว่า
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เขาคิชฌกูฏ เขตพระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้น นิโครธปริพาชก อาศัยอยู่ในปริพาชการามของพระนางอุทุมพริกา พร้อมด้วยปริพาชกบริษัทหมู่ใหญ่ ประมาณ ๓,๐๐๐ ครั้งนั้น สันธานคฤหบดีออกจากพระนครราชคฤห์ในเวลาบ่ายวันหนึ่งเพื่อจะเฝ้าพระผู้มีพระภาค สันธานคฤหบดีดำริว่า เวลานี้ยังไม่เป็นเวลาอันสมควรเพื่อจะเฝ้าพระผู้มีพระภาคก่อน พระผู้มีพระภาคยังกำลังทรงหลีกเร้นอยู่ แม้ภิกษุทั้งหลายผู้อบรมใจ ก็ไม่ใช่สมัยที่จะพบ ภิกษุทั้งหลายผู้อบรมใจก็ยังหลีกเร้นอยู่
ถ้าฟังเพียงผิวเผิน จะรู้สึกอย่างไร หรือว่าเข้าใจถูก ดีแล้วว่าพระผู้มีพระภาค และพระภิกษุสงฆ์กำลังพักผ่อน ไม่ใช่เวลาที่จะรบกวน เพราะว่าทุกคนก็ต้องพักผ่อนใช่ไหม หรือว่าสามารถที่จะพบปะติดต่อกับท่านได้ทั้งวันทั้งคืน แล้วก็ขอให้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งถึงความคิดของสันธานคฤหบดี ในพยัญชนะที่ว่า เวลานี้ยังไม่เป็นเวลาอันสมควร เพื่อจะเฝ้าพระผู้มีพระภาคก่อน ในขณะนั้นใช่ไหม แต่เดี๋ยวก็จะไปเฝ้า ไม่ใช่ว่าจะไม่ไป และดำริของสันธานคฤหบดีที่ว่า แม้ภิกษุทั้งหลายผู้อบรมใจก็ไม่ใช่สมัยที่จะพบ ภิกษุทั้งหลายผู้อบรมใจยังหลีกเร้นอยู่ แต่ไม่ใช่ว่า จะไม่ไปหา เดี๋ยวก็จะไป เพียงแต่ว่ายังไม่ไปเดี๋ยวนี้เท่านั้นเอง เพราะเห็นว่ายังไม่ใช่เวลาที่สมควร ยังเวลาที่พักผ่อนอยู่ พอท่านพักผ่อนได้เวลาที่สมควรแล้ว ก็จะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค จะไปหาพระภิกษุเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าพระภิกษุเหล่านั้นกำลังเข้าวิปัสสนาอยู่ ใครจะไปรบกวนไม่ได้ ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านเจริญสติเป็นปกติ แต่ว่าไม่ใช่เวลาสมควรที่จะไปพบ แต่ว่าไม่ใช่ว่าทั้งวันจะไปพบไม่ได้ แต่ถึงเวลาจะไปพบก็ไปพบตามเวลาปกติ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในพระสูตร หรือในพระธรรมเทศนา ในพระไตรปิฎกก็ควรที่จะได้พิจารณาให้เข้าใจให้ถูกต้องทำความเป็นจริงถึงการประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ที่ท่านเจริญสติปัฏฐานเป็นปกติในชีวิตประจำวันของท่าน เพื่อท่านเองที่ต้องการจะเจริญสติปัฏฐานจะได้ไม่เข้าใจผิด หรือว่าไม่เข้าใจคลาดเคลื่อนไป