เถรนามสูตร - ความเป็นผู้เดียวหลีกออกโดยพิสดาร


    สำหรับพยัญชนะที่ว่า มีปกติอยู่ผู้เดียว หรือว่า เป็นผู้เดียวหลีกออก

    ขอกล่าวถึง สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ภิกขุสังยุตต์ เถรนามสูตร อีกครั้งหนึ่ง ข้อความในเถรนามสูตร มีว่า

    สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับ ณ พระวิหารเวฬุวัน เขตพระนครราชคฤห์ สมัยนั้นภิกษุรูปหนึ่งมีชื่อว่าเถระ มีปกติอยู่ผู้เดียว และสรรเสริญการอยู่ผู้เดียว เธอเป็นผู้เดียวเข้าไปสู่บ้านเพื่อบิณฑบาต เป็นผู้เดียวเดินกลับ ย่อมนั่งอยู่ในที่ลับผู้เดียว และย่อมเป็นผู้เดียวอธิฐานจงกรม ภิกษุมากด้วยกันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุรูปหนึ่งในพระธรรมวินัยนี้ มีชื่อว่าเถระ มีปกติอยู่คนเดียว มีปกติกล่าวสรรเสริญการอยู่คนเดียว

    พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุรูปหนึ่งมา แล้วรับสั่งให้ไปบอกภิกษุชื่อเถระว่าพระศาสดารับสั่งให้หา เมื่อท่านพระเถระเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสถามท่านพระเถระว่า เป็นจริงดังที่ภิกษุทั้งหลายกล่าวหรือ

    ซึ่งพระเถระก็กราบทูลว่า

    จริง

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกร เถระ การอยู่คนเดียวนี้มีอยู่ เราจะกล่าวว่า ไม่มีก็หาไม่ เถระ อนึ่งการอยู่คนเดียวของเธอย่อมเป็นอันบริบูรณ์โดยพิสดารกว่าด้วยประการใด เธอจงฟังประการนั้น จงทำไว้ในใจให้ดี เราจักกล่าว

    ท่านพระเถระทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังต่อไปนี้

    ดูกร เถระ ก็การอยู่คนเดียว ย่อมเป็นอันบริบูรณ์โดยพิสดารกว่าอย่างไร ในข้อนี้ สิ่งใดที่ล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็ละได้แล้ว สิ่งใดยังมาไม่ถึง สิ่งนั้นก็สละคืนได้แล้ว ฉันทราคะในการได้อัตตภาพที่เป็นปัจจุบันถูกกำจัดแล้วด้วยดี การอยู่คนเดียวย่อมเป็นอันบริบูรณ์โดยพิสดารกว่า อย่างนี้แล

    พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า

    เราย่อมเรียกนรชนผู้ครอบงำขันธ์ อายตนะ ธาตุ และไตรภพทั้งหมดได้ ผู้รู้ทุกข์ทุกอย่าง ผู้มีปัญญาดี ผู้ไม่แปดเปื้อนในธรรมทั้งปวง ผู้ละสิ่งทั้งปวงเสียได้ ผู้หลุดพ้นในพระนิพพาน เป็นที่สิ้นตัณหาว่า เป็นผู้มีปกติอยู่คนเดียว ดังนี้

    ถ้าการเจริญสติปัฏฐานจะต้องอยู่ผู้เดียว พระภิกษุทั้งหลายก็ไม่ควรจะไปเฝ้ากราบทูลพระผู้มีพระภาคถึงความประพฤติของท่านพระเถระ เพราะว่าพระภิกษุในธรรมวินัยย่อมเจริญสติปัฏฐานเพื่อรู้แจ้งธรรม นี่เป็นจุดประสงค์ของการอุปสมบท เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรที่จะต้องไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระเถระท่านเป็นผู้ที่ประพฤติเช่นนั้น แต่เพราะเหตุว่าการเจริญสติปัฏฐานเป็นเรื่องปกติ แล้วสติก็จะต้องรู้ในสภาพธรรมตามปกติตามความเป็นจริง


    หมายเลข 5494
    2 ส.ค. 2567