ปฏิลีนสูตร - ภิกษุเป็นผู้มีทิฏฐิสัจจะอันบรรเทาได้แล้ว


    อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต ปฏิลีนสูตร มีข้อความว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่าง อันบรรเทาได้แล้ว มีการแสวงหาทั้งปวงอันละแล้ว มีกายสังขารอันสงบระงับ เราเรียกว่า ผู้มีการหลีกออก เร้นอยู่

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่าง อันบรรเทาได้แล้ว อย่างไร

    ทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่างเป็นอันมากของสมณพราหมณ์ ผู้มีกิเลสหนาแน่นเหล่าใด คือ เห็นว่าโลกเที่ยง หรือว่าโลกไม่เที่ยง โลกมีที่สุด หรือว่าโลกไม่มีที่สุด ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น หรือว่าชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีก หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมไม่เกิดอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มี หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้

    ทิฏฐิสัจจะเหล่านั้นทั้งหมด อันภิกษุในธรรมวินัยนี้บรรเทาได้แล้ว สละแล้ว คลายออกแล้ว ปล่อยแล้ว ละได้แล้ว สละคืนแล้ว ภิกษุเป็นผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่างอันบรรเทาได้แล้ว ดังนี้แล ทิฏฐิสัจจะนั้น คือ เห็นว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก

    “เห็นว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก” ยังเห็นว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล การเกิดขึ้นก็เพราะยังมีปัจจัยที่ให้เกิด และปัจจัยที่ให้เกิดนั้นก็ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เพราะฉะนั้น เวลาที่จะหลีกออกจากกิเลส หรือว่าหลีกออก เร้นอยู่จากกิเลส คือ ความเห็นผิดเป็นเบื้องแรก


    หมายเลข 5498
    2 ส.ค. 2567