ที่จะรู้ว่าเป็นวิบากคือในขณะไหน
วันนี้นะคะ วิบากจิตไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ ทั้งวัน ทราบบ้างไหมคะว่าเป็นวิบาก
เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันดูเป็นเรื่องที่ยาว ถ้าจะมีการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด การทำบุญเลี้ยงพระ การตระเตรียมอาหาร การศึกษา การไปเที่ยว การพักผ่อนหย่อนใจทุกอย่างนี้ดูเหมือนกับเป็นเหตุการณ์ที่เป็นช่วงเวลาที่ยาวมากแต่การที่จะรู้ว่าเป็นวิบาก จะรู้ในขณะไหน ?
ทำกุศล เป็นกุศลกรรมนะคะในขณะที่กำลังทำกุศล อย่าลืมนะคะ ในขณะที่กำลังทำกุศล มีวิบากไหมคะ ? ต้องมีนะคะ รู้ได้อย่างไรล่ะคะ กำลังทำกุศลก็เห็นก็ได้ยิน ก็ได้กลิ่นก็ได้ลิ้มรส ก็รู้สิ่งที่กำลังกระทบสัมผัสในขณะนั้น
เพราะฉะนั้นในขณะเห็นเป็นวิบากในขณะได้ยินเป็นวิบากในขณะได้กลิ่นเป็นวิบาก
ในขณะลิ้มรสเป็นวิบากในขณะกระทบสัมผัสเป็นวิบาก
ในขณะที่กำลังทำกุศลมีวิบากคนละขณะกับกุศล เพราะเหตุว่าจิตใดเป็นกุศล จิตนั้นไม่ใช่วิบาก ไม่ใช่กิริยาไม่ใช่อกุศลจิตใดเป็นอกุศลจิตนั้นไม่ใช่วิบาก ไม่ใช่กิริยาไม่ใช่กุศล
จิตเกิดขึ้นขณะหนึ่งเป็นชาติหนึ่ง เกิดเป็นกุศลก็เป็นกุศลจะเป็นกุศลและอกุศลรวมกันไม่ได้จิตขณะหนึ่งเป็นกุศล เป็นวิบากเกิดร่วมด้วยในขณะนั้นไม่ได้
เพราะฉะนั้นในขณะที่กำลังทำกุศลวิบากก็มี แต่ในขณะที่เป็นวิบาก กำลังเห็น ในขณะที่กำลังทำกุศล วิบากที่เห็นในขณะนั้น เป็นผลของกุศลที่กำลังทำหรือเปล่า ?ไม่ใช่
นี่ค่ะแสดงให้เห็นว่า นานักขณิกกัมมปัจจัย กรรมที่ได้กระทำสำเร็จแล้วให้ผลต่างขณะคือไม่ใช่ให้ผลในขณะที่กำลังทำทันที
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ที่จะทราบว่าเป็นวิบาก ต้องในขณะไหนคะ ถ้ากล่าวว่าในขณะเห็นในขณะได้ยิน ในขณะได้กลิ่นในขณะลิ้มรสในขณะที่กระทบสัมผัสทางกายเหมือนตำราเลย คือ ศึกษาอย่างนี้ก็บอกว่าอย่างนี้กำลังเห็นเดี๋ยวนี้เป็นวิบากแต่ที่จะรู้ว่าเป็นวิบากจริง ๆ เมื่อสติปัฏฐานเกิด ระลึกรู้สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้จะรู้ได้เลยว่า ไม่มีใครเป็นตัวตนที่สามารถจะบังคับบัญชาสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขณะหนึ่งขณะใดได้เลย