บรรลุอริยสัจจธรรมโดยไม่รู้อะไรไม่ได้
ได้ยินเกิดขึ้น ไม่ใช่บังคับไม่ให้ได้ยิน เพราะว่าบางท่านเข้าใจว่าการที่จะรู้อริยสัจธรรม โดยไม่เห็นไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กำลังกระทบสัมผัส ไม่รู้สภาพที่คิดนึก
ได้สนทนากับท่านผู้หนึ่ง ท่านบอกว่า ท่านเป็นผู้ที่สนใจในการปฏิบัติได้เรียนถามท่านว่า เวลาท่านปฏิบัติ ท่านทำอย่างไร
ท่านก็บอกว่าไม่ให้เห็นไม่ให้ได้ยิน ไม่ให้ได้กลิ่น ไม่ให้ได้ลิ้มรส ไม่ให้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่ให้คิดนึก เรียนถามท่านว่า แล้วให้รู้อะไร ในเมื่อไม่รู้สิ่งที่มีจริง ๆซึ่งกำลังปรากฏ แล้วถ้าสติระลึกจะรู้ทันทีว่าเป็นอนัตตาทั้งหมด
การได้ยินเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นวิบาก เพราะเหตุว่าบังคับไม่ได้ มีปัจจัยที่จะเกิดขึ้นได้ยิน ก็ต้องได้ยินเสียงที่กำลังปรากฏมีเหตุปัจจัยที่จะให้ได้กลิ่น สิ่งที่กำลังปรากฏ มีการได้กลิ่นเกิดขึ้นจะไม่ให้ได้กลิ่นสิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
นี่จึงจะแสดงว่า เข้าใจสภาพซึ่งเป็นอนัตตา ซึ่งมีลักษณะที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจเป็นอริยสัจธรรม เป็นสัจธรรมเพราะเหตุว่าเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ถ้าใช้ภาษาบาลีว่า“สัจธรรม” ดูเหมือนอยู่ในตำรา แต่สัจธรรมเมื่อเป็นภาษาไทย ตามลักษณะของสภาพธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ทางตากำลังเห็น เป็นสิ่งที่มีจริง ทางหู กำลังได้ยิน เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นสัจธรรมที่จะรู้ว่าเป็นวิบาก ก็เมื่อสติเกิดระลึก รู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้นแล้วปัญญารู้สภาพธรรมนั้นตามความเป็นจริงจึงจะรู้ว่าขณะใดเป็นวิบากขณะใดเป็นกุศลขณะใดเป็นอกุศล