อาหารหยาบ - อาหารละเอียด
แต่ว่าอาหารที่บริโภคนี้มีทั้งอาหารที่หยาบและอาหารที่ละเอียด ซึ่งความหมายของหยาบหรือละเอียดข้อความในอรรถกถามีว่า
เมื่อว่าตามสภาพอาหารที่เป็นคำๆ ชื่อว่าละเอียดเพราะนับเข้าในสุขุมรูป ความหยาบและความละเอียดโดยวัตถุแห่งอาหารนั้น ควรทราบด้วยการเทียบกันเป็นชั้นๆคือเมื่อเทียบอาหารของจระเข้แล้วอาหารของนกยูงก็ชื่อว่าละเอียด
ท่านที่เลี้ยงสัตว์คงจะทราบได้ว่า สัตว์แต่ละประเภทนี้ก็ต้องบริโภคอาหารแต่ละชนิด จะให้สัตว์ที่มีอาหารหยาบไปบริโภคอาหารที่ละเอียดก็ไม่ได้
เพราะพวกจระเข้ ย่อมกลืนกินกระทั่งก้อนหิน ก้อนหินเหล่านั้นพอตกถึงท้องจระเข้ก็แหลกละเอียดไป
แต่ถ้าสัตว์ใดไม่บริโภคอาหารที่หยาบอย่างจระเข้ จะให้อาหารที่หยาบอย่างก้อนหินแก่สัตว์นั้น ก็ไม่ได้
นกยูงทั้งหลายย่อมกินสัตว์ทั้งหลาย มีงูและแมลงป่องเป็นต้น
ข้อความต่อไปก็เทียบอาหารที่หยาบและละเอียดเป็นชั้น ๆ ของสัตว์โลก คือ
เมื่อเทียบกับอาหารนกยูง อาหารของหมาไนก็ชื่อว่าละเอียด คือ พวกหมาไนย่อมเคี้ยวกินเขาและกระดูก แม้อันตั้งอยู่ ๓ ปีได้ ด้วยว่าสิ่งเหล่านั้นพอชุ่มด้วยน้ำลายของหมาไน ก็อ่อนเหมือนกับข้าวมัน เมื่อเทียบกับอาหารหมาไน อาหารของช้างก็ชื่อว่าละเอียด คือ ช้างเคี้ยวกินกิ่งไม้ต่าง ๆ เมื่อเทียบกับอาหารช้างอาหารของโคป่าและกวางชื่อว่าละเอียด คือ โคป่าและกวางเป็นต้นนั้นย่อมกินซึ่งของที่ไม่มีแก่น มีต้นไม้และใบไม้ต่าง ๆ เป็นต้น เมื่อเทียบกับอาหารของสัตว์เหล่านั้น อาหารของโคบ้านก็ชื่อว่าละเอียด เพราะโคบ้านกินหญ้าสดและหญ้าแห้ง เมื่อเทียบกับอาหารของโคบ้าน อาหารของกระต่ายก็ชื่อว่าละเอียด เมื่อเทียบกับอาหารของกระต่าย อาหารของนกก็ชื่อว่าละเอียดเมื่อเทียบกับอาหารของนก อาหารของคนบ้านนอกที่อยู่ปลายแดนก็ชื่อว่า ละเอียด
เมื่อเทียบกับอาหารของผู้ที่อยู่ปลายแดน อาหารของผู้กินบ้านกินเมือง (ซึ่งก็คงจะหมายถึงผู้ที่เป็นเจ้าเมือง)ก็ชื่อว่าละเอียด เมื่อเทียบกับอาหารของผู้กินบ้านกินเมือง อาหารของพระราชาและมหาอำมาตย์ก็ชื่อว่าละเอียด เมื่อเทียบกับอาหารของพระราชาและมหาอำมาตย์ อาหารของจักรพรรดิก็ชื่อว่าละเอียด เมื่อเทียบอาหารของจักรพรรดิอาหารของภุมเทวดาก็ชื่อว่าละเอียด
ในการที่อ่านจากอรรถกถาให้ฟังนี้ก็เพื่อที่ท่านผู้ฟังที่ไม่ได้อ่านเอง ก็จะได้ทราบข้อความที่เกี่ยวกับอาหาร เพราะเหตุว่าจะอยู่ในอรรถกถาตอนนั้นบ้างตอนนี้บ้าง