โดยการผลักดันหรือซ่านไปแห่งวาโยธาตุอันเกิดแต่จิตเท่านั้น
มีประการดังกล่าวแล้วเท่านั้น
คือในตอนต้นนั้น ได้แสดงเรื่องของการบริโภคอาหาร โดยสาตถกสัมปชัญญะ และสัปปายสัมปปชัญญะ โคจรสัมปชัญญะ ในขณะนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอสัมโมหสัมปชัญญะ คือ การที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตรงตามเป็นจริง
ข้อความต่อไป เป็นเรื่องของพระภิกษุนวกะ ซึ่งสำหรับฆราวาสก็เป็นชีวิตประจำวัน แต่ว่าวัตถุที่ใช้ต่างกัน
สำหรับพระภิกษุ มีข้อความว่า
อาการที่เรียกว่าจับบาตร การจับบาตรที่มีเป็นปกติที่เกิดขึ้นนี้ โดยความผลักดัน หรือซ่านไปแห่งวาโยธาตุอันเกิดแต่จิตเท่านั้น อาการที่เรียกว่า หย่อนมือลงในบาตร
การบริโภค ตามปกติก็ต้องมีการเอื้อมไปสู่อาหารจานหนึ่งจานใด ก็โดยการผลักดันหรือซ่านไปแห่งวาโยธาตุอันเกิดแต่จิตเท่านั้น ในขณะที่บริโภค การตะล่อมคำข้าว มีไหมคะ เป็นปกติในชีวิตประจำวันไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน การยกคำข้าวขึ้น และการอ้าปากจึงเกิดขึ้น หาได้มีใครใช้กุญแจหรือเครื่องจักรมาไขกระดูกคางให้อ้าไม่ เป็นเรื่องของวาโยธาตุทั้งหมด โดยการผลักดันหรือซ่านไปแห่งวาโยธาตุอันเกิดแต่จิตเท่านั้น จึงทำให้หยิบคำข้าวใส่ปาก แล้วฟันบนจึงทำหน้าที่เป็นสากหลายอัน ฟันล่างทำหน้าที่เป็นครกหลายใบ ไม่ใช่ฟันเดียวใช่ไหมคะ ไม่ใช่ซี่เดียว
นี่คือความละเอียดของการที่จะแสดงให้เห็นว่า ในขณะที่บริโภคจริง ๆ นี้นามธรรมและรูปธรรมทั้งหมดมีลักษณะอย่างไรบ้าง
ลิ้นทำหน้าที่เป็นมือตะล่อม ในการบริโภคดังว่ามานี้ มีน้ำลายบาง ๆที่ปลายลิ้น และน้ำลายหนา ๆ ที่โคนลิ้น
สังเกตบ้างหรือเปล่า น้ำลายบางอยู่ที่ไหน น้ำลายหนา อยู่ที่ไหน ถ้าไม่สังเกต ต่อไปนี้ก็จะทราบได้ว่า มีน้ำลายบาง ๆ ที่ปลายลิ้น และน้ำลายหนา ๆ ที่โคนลิ้น
มาช่วยคลุกเคล้าอาหารที่ในปากนั้น และอาหารนั้นก็ถูกกวาดตะล่อมไว้ในครกคือ ฟันล่างด้วยลิ้น ซึ่งเป็นประดุจมือ และทำหน้าที่ให้เปียกชุ่มด้วยน้ำคือ น้ำลาย และถูกโขลกให้ละเอียดด้วยสาก คือ ฟันบน จะได้มีใครเอาช้อนหรือทัพพีมาตักใส่เข้าไปในร่างกายก็หาไม่ ย่อมเป็นไปด้วยอำนาจแห่งวาโยธาตุนั่นเอง
นี่ล่วงลำคอเข้าไปแล้ว