บุคคลที่ ๒ บุคคลผู้มีกิเลส แต่รู้ว่ามีกิเลส เป็นบุรุษประเสริฐ
บุคคลที่ ๒ เป็นบุคคลที่มีกิเลส แต่รู้ตามเป็นจริงว่ามีกิเลส บัณฑิตกล่าวว่า เป็นบุรุษประเสริฐ
ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานถูกต้องตามความเป็นจริง บัณฑิตกล่าวว่า เป็นบุรุษประเสริฐ ประเสริฐเพราะรู้ เพราะเจริญสติ เพราะรู้ชัดตามความเป็นจริงตามปกติ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พระอรหันต์ ยังไม่ใช่พระอนาคามีบุคคล ไม่ใช่พระสกทาคามีบุคคล ยังไม่ใช่พระโสดาบันบุคคล แต่เป็นผู้ที่กำลังเจริญสติปัญญารู้ชัดตามความเป็นจริง ในลักษณะของนาม และรูปที่กำลังปรากฏเพิ่มขึ้น ไม่ได้ผิดปกติ ไม่ใช่ว่าในการเจริญสติปัฏฐานนั้นต้องไม่มีกิเลสเสียก่อนถึงจะเจริญสติปัฏฐาน หนีไป แล้วก็ไปเจริญสติปัฏฐาน ไม่ทำอย่างนั้น ไม่ทำอย่างนี้ เพราะคิดว่าเป็นกิเลสทำไม่ได้ แต่ว่าเป็นผู้ที่เป็นบุคคลที่มีกิเลสแต่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่ามีกิเลส บัณฑิตกล่าวว่าเป็นบุรุษประเสริฐ ประเสริฐเพราะรู้ชัด ถึงแม้ว่ายังมีกิเลส เพราะฉะนั้นการเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่ว่าให้หมดกิเลสหรือไม่ให้มีกิเลสแล้วไปเจริญสติปัฏฐาน แต่ว่าการเจริญสติปัฏฐานเป็นการรู้ชัดตามความเป็นจริงตามปกติ เพื่อละการยึดถือว่าเป็นตัวตน