ถ้าไม่รู้ก็ไม่ละ ภพชาติก็ไม่หมด
ผู้ฟัง ขณะเวทนา ตาเสวยรูปอยู่ จิตมีกำหนัดอยู่ก็รู้อยู่ อาจารย์ช่วยอธิบาย
ท่านอาจารย์ เวลาเห็นเกิดพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้างเป็นของธรรมดา เป็นสิ่งที่สติจะต้องระลึกรู้ทั้งนั้นเพื่อละความไม่รู้ ไม่ใช่ข้ามไปๆ ความพอใจก็เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง เกิดแล้วก็ดับเหมือนกัน ทางตาก็อาศัยตา คือ การเห็นเกิดขึ้น ทางหูก็อาศัยการได้ยินเกิดขึ้น อาศัยเสียงเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น การเจริญสติปัฏฐานนี้ต้องเจริญมากทีเดียว ความรู้ต้องทั่วจริงๆ ชัดเจนแจ่มแจ้งจริงๆ จึงจะละคลายภพชาติ คือชีวิตจริงๆ ที่เกิดขึ้นทุกๆ ขณะ ให้เหลือมากที่สุดอย่างมากคือ ๗ ชาติ ถ้าผู้นั้นบรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล ดังนั้นความชอบก็เป็นชีวิตจริงๆ เป็นวัฏฏะ ภพชาติที่จะต้องละ ถ้าไม่รู้ก็ไม่ละ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นนามธรรม ถ้าไม่รู้ว่าเป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ก็ไม่ละตัวตน ภพชาติก็ไม่หมด
เพราะฉะนั้น ปัญญาที่จะต้องเจริญด้วยการเจริญสติมากมาย จะต้องหมดความสงสัยทั้งนามทั้งรูปทางตา ทั้งนามทั้งรูปทางหู ทั้งนามทั้งรูปทางจมูก ทั้งนามทั้งรูปทางลิ้น ทั้งนามทั้งรูปทางกาย ทั้งนามทั้งรูปใดๆ ทางใจ ปัญญาจะต้องเพิ่มขึ้น ละคลายความไม่รู้ให้หมดสิ้นไป