เป็นธรรมดา มีแล้วให้ระลึกรู้ ไม่ใช่ไปทำแล้วจึงจะรู้
กายานุปัสสนาสติปัฏฐานได้จบลงแล้วทั้ง ๑๔ บรรพ
ถ้าท่านผู้ฟังจะพิจารณาข้อความในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ เป็นชีวิตจริงๆ เป็นเรื่องธรรมดาๆ ไม่ได้ผิดปกติจากธรรมดาเลย ในบรรพแรก คือ อานาปานบรรพ เรื่องลมหายใจ เป็นเรื่องธรรมดา เกิดมาแล้วต้องมีลมหายใจ แต่ว่าเพราะสติไม่ระลึก จึงไม่รู้สภาพที่แท้จริงของลมหายใจ ก็ยึดถื่อว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์บุคคล
ไม่ว่าจะเป็นบรรพไหนในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน จะเห็นได้ว่า ไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษ การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่ไปทำให้ผิดปกติ เป็นเรื่องของทุกสิ่งที่มีแล้ว แล้วก็ต้องรู้สิ่งที่กำลังปรากฏเพราะเกิดขึ้นแล้ว มีเหตุปัจจัยทำให้เกิดขึ้น แม้แต่ลมหายใจมีอยู่ เป็นเครื่องระลึกของสติได้ จะระลึกเมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น แต่สำหรับผู้ที่เคยเจริญสมถภาวนา
ด้วยการเจริญอานาปานสติ ก็จะเห็นได้ว่า เป็นปกติของผู้นั้นเหมือนกัน คือเป็นปกติที่ทำให้จิตสงบที่ลมหายใจ แต่เพราะเหตุว่าเป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐานด้วยจึงไม่ควรที่จะให้จิตสงบเป็นเพียงสมถะ และไม่ระลึกรู้ ถ้าเป็นโดยลักษณะนั้นแล้ว ก็เป็นการเจริญสมถภาวนา ไม่ใช่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน แต่ว่าเมื่อเป็นเรื่องของการเจริญสติปัฏฐานแล้ว ขณะไหนระลึกได้ทั้งสิ้น แม้แต่ผู้ที่เคยเจริญอานาปานสติโดยนัยของสมถภาวนา แต่ว่าขณะใดที่สติระลึกได้ ก็รู้ลักษณะของลม เห็นกายในกาย เห็นรูปว่าเป็นรูป ไม่เป็นสัตว์บุคคล ไม่เป็นตัวตน เห็นการเกิดขึ้น และดับไปความไม่เที่ยงของรูปที่กายนั้นด้วย
ในการเจริญสติปัฏฐานทั้งหมดทุกบรรพ เป็นเรื่องธรรมดาเป็นชีวิตปกติจริงๆ ที่สติควรจะระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏเพราะเกิดขึ้นแล้ว และก็มีเหตุปัจจัยทำให้เกิดขึ้น