อิริยาปถบรรพ
สำหรับอิริยาบถบรรพ อาจจะสงสัยว่า เป็นการพิจารณาต่างจากธาตุมนสิการบรรพอย่างไร เพราะการเห็นกายในกาย ไม่ใช่เห็นกายที่อื่น แต่เป็นหมวดที่เนื่องกับกาย นับตั้งแต่ลมหายใจไปจนกระทั่งถึงกระดูกที่ผุเป็นผง
นี่เป็นส่วนต่างๆ ของกายทั้งนั้น รูปมีมาก อยู่ในบรรพอื่นด้วย แต่ว่าเมื่อเป็นรูปที่กาย เห็นกายในกายอย่างไร ก็จัดอยู่ในประเภทของกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
กายมีตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า แต่เมื่อระลึกรู้ส่วนที่เป็นลมหายใจ ก็รู้ลักษณะของรูปที่เป็นส่วนนั้น ที่ปรากฏที่ส่วนนั้น เวลาที่เป็นอิริยาบถบรรพก็โดยนัยเดียวกัน มีรูปที่ประชุมรวมกัน ทรงอยู่ ตั้งอยู่ในอาการอย่างใด ก็ระลึกรู้ส่วนของรูปที่ปรากฏในอิริยาบถที่ทรงอยู่ ตั้งอยู่ในอาการอย่างนั้น
อิริยาบถก็มีนั่ง นั่งก็ไม่เหมือนกัน ใครนั่งอย่างไร สติระลึกรู้ ก็รู้ในลักษณะของรูป
ใครนั่งอย่างไร สติระลึกรู้ ก็รู้ในลักษณะของรูปที่ส่วนนั้น ยืนก็ไม่เหมือนกันอีก แล้วแต่ในขณะนั้นใครทรงกายอยู่ในลักษณะยืนอย่างไร สติก็ระลึกรู้ลักษณะของรูปที่ปรากฏ ต้องเป็นรูปที่ปรากฏที่ส่วนของกาย เช่นเดียวกับลมหายใจ นั่งก็มีลมหายใจ แต่สติระลึกรู้ส่วนที่เป็นลมหายใจ
เพราะฉะนั้น เวลาที่นั่งอยู่จะทรงกายอยู่ในลักษณะอาการนั่งอย่างไรก็ตาม ก็ระลึกรู้ลักษณะของรูปที่ปรากฏที่ส่วนของกายที่สติกำลังระลึกรู้ แต่ไม่ใช่ตลอดทั้งตัว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่สติจะระลึกรู้ส่วนของกายได้ตลอดทั้งตัวขณะที่กำลังนั่ง กำลังนอน กำลังยืน กำลังเดิน เพราะการเจริญสติปัฏฐานนั้นต้องเห็นกายในกาย เมื่อกายส่วนใดปรากฏอย่างไร ก็เห็นกายที่กายส่วนนั้น ไม่เห็นว่าเป็นตัวตน