ขณะยืนมีลักษณะอะไรเกิดดับ
ผู้ฟัง รู้ลักษณะว่ายืนไงคะ ใครจะดูรูปว่ารูปนี้ก็รู้ว่าลักษณะรูปยืน แต่ที่รู้นี้ก็ดับ ทีนี้ถ้าเปลี่ยนนี่ก็เปลี่ยนไปอีกแล้ว ใช่ไหม ถ้านั่งก็เป็นรูปนั่งไปแล้ว แต่รูปนี้เข้าใจว่าคำว่ายืนก็รูป นั่งก็รูป แต่ทีนี้คำว่ารูป ลงอยู่ รูปๆ ๆ
ท่านอาจารย์ ยังไม่ต้องเปลี่ยน ยืนอยู่เฉยๆ อะไรดับ ก็ไม่ดับ ก็บอกว่าไม่ดับ ต้องเปลี่ยนมาที่นี่ รูปถึงจะดับ กำลังยืนรูปอะไรดับ
ผู้ฟัง รูปธรรมดับ
ท่านอาจารย์ ลักษณะอะไรที่ว่าเป็นรูปธรรม มีลักษณะที่ต้องดับไป
ผู้ฟัง ระหว่างที่ยืน ก็ลักษณะที่ว่าเกิดดับนี้ก็เกิดดับอยู่เรื่อยๆ
ท่านอาจารย์ ลักษณะอะไรเกิด ลักษณะอะไรดับ
ผู้ฟัง ลักษณะรูปยืน ที่รู้ว่ารูปที่รู้เนี่ยก็มีเกิดมีดับ
ท่านอาจารย์ รูปยืนนี้หรือดับ
ผู้ฟัง ไม่ใช่
ท่านอาจารย์ อย่างนั้น รูปอะไรดับ
ผู้ฟัง ระหว่างที่ยืนอยู่อย่างนี้ รูปยืนนี้ก็ลักษณะเป็นรูปยืน ถ้าหากว่าเปลี่ยนอย่างนี้ก็เรียกว่าแต่ระหว่างที่ข้างหน้าดับอยู่แล้ว
ท่านอาจารย์ ยังไม่เปลี่ยน รูปอะไรดับ
ผู้ฟัง ถ้าหากว่ารูปที่เกิดดับนี่ เค้าคำว่าที่รู้ก็ดับไป รู้ก็เกิดดับอยู่ตลอดเวลา
ท่านอาจารย์ รูปอะไร
ผู้ฟัง รูปธรรม
ท่านอาจารย์ รูปอะไร มีลักษณะยังไง
ผู้ฟัง ลักษณะยืนอยู่ ยังไม่ดับ ยังไม่เปลี่ยนไป
ท่านอาจารย์ รูปอะไรดับ
ผู้ฟัง ถ้าเปลี่ยนนี้หมายความว่า
ท่านอาจารย์ ไม่เปลี่ยน กำลังยืนอย่างนี้ เลยไม่ดับหรือ
ผู้ฟัง ดับ
ท่านอาจารย์ อะไร รูปอะไรดับ
ผู้ฟัง ที่รูป อย่างที่เย็นก็มี ร้อนก็มี อ่อนก็มี แข็งก็มี คำว่ารูป เขาเรียกอะไรเรียกสีหรือ หรือว่าเรียกอะไร ฉันก็คงจะพูดภาษาไทยไทย ในไทยอย่างที่รูปยืนอยู่นี่ ลักษณะของรูปยืนก็เห็นว่ารูปยืน ทีนี้ถ้าเปลี่ยนอย่างนี้
ท่านอาจารย์ ไม่เปลี่ยน ยืนอย่างนี้ไม่เปลี่ยน อะไรดับ ความจริงเรื่องอิริยาปถบรรพก็เป็นสิ่งที่ควรระลึกรู้ ในขณะที่กำลังยืน ส่วนของรูปที่ปรากฏ ก็ให้สติระลึกรู้ หรือว่าในขณะที่เป็นสัมปชัญญบรรพ การเหลียว การคู้ การเหยียด ส่วนของรูปที่ปรากฏสติก็ควรระลึกรู้ เพราะอะไร วันหนึ่งๆ ยืนบ้างไหม อิริยาปถบรรพเป็นอิริยาบถนาน คอยรถ บางคนก็คอยกันนานเหลือเกิน ครึ่งชั่วโมงรถประจำทางก็ยังไม่มา อิริยาบถยืน ขึ้นไปบนรถประจำทางแล้วอิริยาบถอะไรอีก ไม่ได้นั่งก็ยืน เพราะฉะนั้นในขณะนั้นจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปทำไม แล้วแต่สติจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของรูปหรือนามที่มีลักษณะปรากฏ ไม่ใช่ว่าไม่มีลักษณะปรากฏ ถ้าระลึกรู้ลักษณะของรูปของนามที่ปรากฏแล้ว รูปนั้นเกิดปรากฏแล้วก็หมดไป ทุกลักษณะทีเดียว ไม่มีรูปใดที่อยู่ได้ตลอดเวลา เย็นปรากฏนิดเดียวก็ดับไปแล้ว ที่ส่วนหนึ่งส่วนใดของกายในขณะที่ทรงอยู่ในอิริยาบถที่ยืน เพราะว่าในรถประจำทางนี้ก็ยืนกันคนละลักษณะลักษณะใช่ไหม ก็แล้วแต่ว่าใครจะทรงกายอยู่ในลักษณะใด และก็รูปส่วนใดมีลักษณะใดปรากฏ สติก็ระลึกรู้ลักษณะนั้น แต่ไม่ใช่ว่าให้เจาะจงรู้เป็นบรรพๆ อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นกาย หรือว่าเป็นเวทนา หรือว่าเป็นจิต หรือว่าเป็นธรรมใดๆ ก็ตามทางตา หรือทางหู ทางจมูก หรือทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็ตาม สติระลึกได้ แล้วแต่ว่าใครจะระลึกลักษณะของรูป ลักษณะของนาม ทางไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นขอเรียนถาม กำลังยืนอยู่นี่ รูปอะไรดับ
ผู้ฟัง กำลังยืนอยู่นี่หรือ ถ้าพูดถึงว่ายืนอยู่นี่ก็มีรูป ถ้าพูดถึงว่าความเกิดดับของรูปของนาม ตัวที่เวทนาเขาเรียกอะไร ที่สัมผัสถูกต้องนี้ ที่สัมผัสที่ยืนนี้ก็รู้ว่า รูปนี้ถูกต้อง
ท่านอาจารย์ ถูกต้องอะไร กระทบอะไร
ผู้ฟัง ก็ยืนอยู่นี้กับพื้น
ท่านอาจารย์ มีลักษณะอะไรปรากฏ
ผู้ฟัง ลักษณะแข็ง
ท่านอาจารย์ แข็งก็แข็ง ก็มีจริงๆ ทำไมจะปฏิเสธ และไปเป็นยืนที่ไหน แข็งนั้นหรือเป็นยืน
ผู้ฟัง รูปยืนมีลักษณะถ้าลักษณะแข็งนี้เป็นรูป บางทีดิฉันก็โว่
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ ไม่ใช่อะไร เป็นเรื่องของเรื่องที่ว่าพยายามที่จะยึดความไม่เข้าใจเอาไว้ อย่างคณะสัญญา การรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนของรูป ที่จะหมดการยึดถือในสภาพที่รวมกลุ่มรวมก้อนกันอยู่นั้นก็ด้วยการที่พรากธาตุต่างๆ ออกจากกัน จึงจะปรากฏอนัตตลักษณะได้ พยัญชนะก็มีแล้วทำไมถึงจะ ไม่ยอมที่จะพิจารณาให้ถูกต้อง