จะมีแต่ปฏิสนธิจิตและภวังคจิตโดยไม่รู้อารมณ์ทางทวารอื่นไม่ได้


    เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะลำดับตั้งแต่เกิด ปฏิสนธิจิตเกิดแล้วดับ รู้อารมณ์ไหม ปฏิสนธิจิตรู้อารมณ์ไหม รู้ อาศัยทวารหรือเปล่า ไม่ได้อาศัยทวาร เป็นจิตชาติอะไร เป็นวิบากจิต เมื่อปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว กรรมทำให้ภวังคจิตประเภทเดียวกันเลย ปฏิสนธิจิตเป็นวิบากประเภทไหนภวังคจิตก็ต้องเป็นวิบากที่เป็นประเภทเดียวกันเปลี่ยนไม่ได้เลยเพราะว่าเป็นผลของกรรมเดียวกัน ขณะที่เป็นภวังค์รู้สึกจะสบายใช่ไหม ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้อะไรเลย แต่จะเป็นอย่างนั้นไปตลอดก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดในภพไหนภูมิไหนที่จะมีแต่ปฏิสนธิจิตแล้วก็เป็นภวังคจิตไปโดยตลอดไม่มีจิตอื่นเกิดทางทวารหนึ่งทวารใดเลยไม่ได้ แล้วแต่เหตุปัจจัยที่จะทำให้มีการรู้อารมณ์อื่นเมื่อไหร่ ก็ต้องรู้อารมณ์อื่นเมื่อนั้นตามเหตุตามปัจจัย นอนหลับไม่อยากจะตื่นเลยก็ต้องตื่น หรือว่าตื่นอยู่อยากจะหลับก็หลับไม่ได้ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยที่จะให้เป็นภวังคจิตโดยตลอดหรือว่ามากอย่างขณะที่หลับ เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าการที่จิตรู้อารมณ์กำลังเป็นภวังค์อยู่โดยที่ไม่รู้อะไรเลย แล้วก็จะเกิดรู้อารมณ์ทางหนึ่งทางใดต้องอาศัยทวารคือ ๑ ใน ๖ แต่ว่าหลังจากที่ปฏิสนธิจิตดับ และก็ภวังคจิตเกิดสืบต่อ วาระแรกที่จิตจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่ไม่ใช่อารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต ต้องเป็นทางมโนทวารวิถี จะเป็นทางอื่นไม่ได้เลย

    ที่มา ..

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 26


    หมายเลข 5799
    24 ม.ค. 2567