ที่เกิดของจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ได้แก่ วัตถุ ๖


    ผู้ฟัง แล้วที่เกิดของจิตในหทยวัตถุนี่ก็รู้อารมณ์ทางใจ

    ท่านอาจารย์ มิได้ เวลากล่าวถึงที่เกิดของจิต จะใช้คำว่าวัตถุ ๖ หมายความว่าจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จะเกิดนอกรูปไม่ได้เลย จะเที่ยวไปลอยตามอากาศไปเห็นไปได้ยินอย่างนั้นไม่ได้ แต่ต้องอาศัยรูปใดรูปหนึ่งเกิด ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเทวดา เป็นรูปพรหม จิตจะเกิดก็ต้องอาศัยรูปเป็นที่เกิด แต่รูปซึ่งเป็นที่เกิดขณะนั้นไม่ใช่ทวารเป็นที่เกิดเท่านั้น

    ต่อไปจะทราบว่าจิตไหนเป็นทวาร และเป็นวัตถุด้วย นี่ก็เป็นเรื่องที่ละเอียดแต่ถึงขณะนี้ก็ให้ทราบความต่างกันของคำว่า “มโน” ได้แก่จิตทุกชนิด มโนทวารใกล้เข้ามาอีกแล้วได้แก่ภวังคุปัจเฉทะเท่านั้น ภวังคจลนะก็ไม่ใช่ ปฐมภวังค์ก็ไม่ใช่ ภวังค์ชื่ออื่นๆ ไม่ใช่หมด นอกจากภวังคุปัจเฉทะ เพราะว่าเราใช้คำนี้หมายความถึงกระแสภวังค์สิ้นสุด แต่ขณะที่เป็นมโนทวาร รูปไม่ได้มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ถึงมากระทบ จิตก็ไม่ได้เกิดขึ้นรู้เพราะจิตกำลังจะรู้อารมณ์ทางใจ ไม่ต้องอาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย

    เพราะฉะนั้น ทางใจก็จะมีภวังคจลนะดับไป ภวังคุปัจเฉทะคือขณะสุดท้ายของภวังค์เกิดแล้วจะมีภวังค์อีกต่อไปไม่ได้ ต่อจากนั้นก็เป็นมโนทวาราวัชชนจิต เติมคำว่าอาวชน เพราะว่าต่างกับคำว่ามโนทวาร มโนทวารคือภวังคุปัจเฉทะ แต่มโนทวาราวัชชนจิตเป็นกิริยาจิตซึ่งทุกคนมีแม้ว่าไม่ใช่พระอรหันต์ก็มี เพราะว่าเป็นการรู้อารมณ์ทางใจ ขณะแรกที่เกิดขึ้นเป็นวิถีจิตแรก

    ที่มา ..

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 26


    หมายเลข 5808
    24 ม.ค. 2567