เรียกชื่อจิตโดยชาติ หรือ โดยกิจการงานก็ได้
ท่านอาจารย์ ซึ่งจริงๆ แล้วทุกคนจะได้ยินคำว่า “ชวนะ” บ่อยๆ แต่คนใหม่ ชวนะอะไร เขียนยังไง กล่าวแล้วว่าเราเรียกชื่อจิตได้หลายอย่าง คือเรียกโดยชาติก็ได้ หรือว่าโดยกิจการงานก็ได้ แต่ว่ากล่าวถึงปฏิสนธิหมายความว่าว่าเราพูดถึงจิตโดยกิจว่าจิตนี้จะเป็นชาติวิบากแต่ทำกิจปฏิสนธิ ไม่ได้ทำกิจเห็น แล้วเวลาที่ปฏิสนธิจิตดับไป จิตที่เกิดสืบต่อก็เป็นชาติวิบากแต่ทำภวังคกิจ นี่ก็คือความต่างกัน
และพอถึงมโนทวาราวัชชนะ ก็เป็นมโน คือเป็นจิตแต่ไม่ใช่วิบากอีกต่อไป เพราะเหตุว่าไม่ใช่ภวังค์ เป็นกิริยาจิต ก็มีการกล่าวถึงชาติด้วย แล้วก็กิจด้วย พอพูดถึงกุศล อกุศลซึ่งเกิดต่อ แล้วก็มีบางคนบอกว่าชวนะๆ ก็คือให้ทราบว่า “ชวนะ”ก็คือจิตซึ่งเกิดดับสืบต่อรู้อารมณ์นั้นซ้ำถึง ๗ ขณะ คือถ้าเป็นโลภะก็โลภะ ๗ ขณะ ซึ่งขณะนี้จักขุวิญญาณที่เห็นหนึ่งขณะเอง แต่พอถึงชวนะเป็นกุศลหรืออกุศลซึ่งเกิดดับสืบต่อ ๗ ขณะทำ “ชวนกิจ” คือแล่นไปในอารมณ์นั้นโดยเป็นสภาพนั้นที่พอใจในอารมณ์นั้นไม่ต้องทำกิจอื่น แต่อันนี้จะยังไม่กล่าวถึง เพียงแต่ว่าถ้าได้ยินแว่วๆ มาบ่อยๆ ว่าชวนะก็ให้เข้าใจว่าหมายถึงกุศลจิต และอกุศลจิตสำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์
แต่สำหรับผู้ที่เป็นพระอรหันต์แล้วจะเป็นกุศลจิตหรือเป็นอกุศลจิตไม่ได้ ต้องเป็นกิริยาจิต พอพูดถึงกุศลจิต และอกุศลจิต และกิริยาจิตของพระอรหันต์ก็คือทำชวนกิจหรือได้ยินคำว่าชวนะ ก็คิดถึงกุศลจิตหรืออกุศลจิต และกิริยาจิตนั่นเอง แต่ค่อยๆ ไปจะได้ไม่ลืม และไม่ต้องไปท่อง
ผู้ฟัง ปฏิสนธิจิตนี่ตั้งแต่ว่าปฎิสนธิในครรภ์ ไม่ใช่ว่าตอนคลอดออกมา
ท่านอาจารย์ คือไม่มีการนับ ถ้าเป็นเทพก็ไม่ต้องอยู่ในครรภ์ใช่ไหม
เพราะฉะนั้น ธรรมตรง จะอยู่ภพไหน ให้ทราบว่าหลังจากปฏิสนธิ และภวังค์แล้ว วิถีจิตแรกต้องเป็นทางมโนทวาร โดยมโนทวาราวัชชนะเกิดก่อน และต่อจากนั้นก็เป็นโลภะ ใช้คำว่าชวนะก็ได้คือเกิดซ้ำกัน ๗ ขณะ
ที่มา ...