อิริยาบถปิดบังทุกขลักษณะ มีเฉพาะในภูมิที่มีขันธ์ ๕


    เพราะฉะนั้นข้อความที่ว่า อนิจลักษณะไม่ปรากฏ เพราะไม่มนสิการความเกิดขึ้น และความดับไป และเพราะสันตติปิดบังไว้ ข้อนี้คงไม่เป็นปัญหา สันตติการเกิดดับสืบต่อ สืบต่อกันไว้เรื่อยๆ ก็ทำให้ไม่ประจักษ์การเกิดดับ แต่ที่เป็นปัญหาคือ ทุกลักษณะไม่ปรากฏ เพราะไม่มนัสการถึงการบีบคั้นเนืองๆ และอิริยาบถปิดบังไว้ สำหรับท่านที่คิดว่า การเจริญสติปัฏฐานนั้นจะต้องพิจารณาอิริยาบถ นั่งจนเมื่อยแล้วก็เปลี่ยนเป็นยืนจนเมื่อย แล้วก็เปลี่ยนเป็นเดินจนเมื่อย ท่านก็กล่าวว่าอิริยาบถใหม่ปิดบังไว้ไม่ให้เห็นทุกข์ที่มีในขณะนั้น นี่ไม่ใช่ไตรลักษณ์ ทุกลักษณะที่เป็นไตรลักษณ์นั้นคือ ความเกิดดับ ความบีบคั้นเนืองๆ ไม่ขาดสายคือ การเกิดขึ้นแล้วดับไปของสังขารธรรมที่ปรากฏทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ไม่ว่าจะเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม เมื่อพิจารณาแล้ว ก็มีลักษณะที่เกิดขึ้นปรากฏแล้วก็หมดไป ลักษณะที่ไม่เที่ยงนั้นเป็นทุกข์ ไม่ใช่ว่าอิริยาบถนั่งเมื่อยเป็นทุกข์ เพราะเหตุว่าสังขารธรรมทั้งหลายที่เกิดดับไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตานั้น เป็นสามัญญลักษณะของสังขารธรรมทุกชนิด ไม่ว่าในภูมิไหน อย่างในรูปพรหมภูมิไม่มีกายปสาท ไม่มีฆานปสาท ไม่มีชิวหาปสาท พรหมจะนั่งเท่าไหร่ก็ไม่เมื่อย ไม่มีเมื่อยเลย เพราะฉะนั้นสำหรับพรหมภูมิก็ไม่มีทุกขลักษณะสิ ถ้าจะเอาทุกขเวทนาที่เกิดจากการนั่งว่าปิดบังความทุกข์ไว้ ก็ต้องไม่มีทุกขลักษณะ มีแต่อนิจจลักษณะ กับอนัตตลักษณะ ทุกลักษณะจะขาดไปไม่ได้ เพราะสิ่งใดที่เกิดปรากฏเป็นอนิจจังสิ่งนั้นเป็นทุกข์ แล้วแต่ว่า พรหมภูมิจะมีรูปกี่ชนิด มีนามกี่ชนิด ที่เกิดปรากฏ และก็ดับลงไป ลักษณะที่บีบคั้นเนืองๆ เกิดแล้วดับเกิดแล้วดับนั้นเป็นทุกข์ แม้ในพรหมโลกก็จะต้องมีไตรลักษณ์ไม่ใช่เหลือเพียง ๒ ลักษณะ ถึงแม้ในอรูปพรหม ท่านที่เจริญสติปัฏฐานเป็นพระโสดาบันในภูมิที่มีขันธ์ ๕ แล้วก็เจริญสติปัฏฐานต่อในอรูปพรหมภูมิ ไม่มีรูปเลย มีแต่นามธรรม ถ้าอย่างนั้นอิริยาบถก็ไม่มีที่จะปิดบังไว้ ก็ต้องไม่มีทุกขลักษณะใช่ไหม แต่ไม่ได้เลย ไตรลักษณะนั้นเป็นสามัญญลักษณะของสาขารธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้น แม้ในอรูปพรหมภูมิ นามธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไป ความไม่เที่ยงนั้นเป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา แต่คำว่าอิริยาบถปิดบังไว้ ก็สำหรับในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ที่มีรูปที่ประชุมรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแล้วไม่แยกฆนะ ไม่กระจัดกระจายออก ก็ไม่ประจักษ์ความเป็นทุกขลักษณะคือความเกิดขึ้นแล้วดับไป เพราะฉะนั้นถ้าตราบใดที่ยังไม่กระจัดกระจาย ไม่แยกรูปที่ประชุมรวมกันแล้ว จะไม่ประจักษ์การเกิดดับซึ่งเป็นทุกข์เลย


    หมายเลข 5998
    31 ก.ค. 2567