ชีวิตินทริยรูป
สำหรับชีวิติทรียรูปก็โดยนัยเดียวกัน แต่ไม่ใช่นามธรรม เป็นรูปธรรมที่ทำให้รูปซึ่งเกิดเพราะกรรม ซึ่งตนเกิดร่วมด้วยเป็นรูปที่ดำรงชีวิต ต่างกับรูปอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพราะกรรม
สำหรับลักษณะเป็นต้นของชีวิตินทรียรูปมีข้อความว่า
มีการอุปถัมภ์ ตามรักษาธรรมทั้งหลายที่เกิดร่วมกันเป็นลักษณะ
มีความประพฤติเป็นไปของรูปธรรมนั้น ๆ เป็นรส คือ เป็นกิจ
มีความดำรงอยู่ของรูปธรรม เป็นปัจจุปัฏฐานคืออาการที่ปรากฏ
มีภูตรูปอันจะพึงยังรูปธรรมนั้น ๆ ให้เป็นไป เป็นปทัฏฐาน คือเป็นเหตุใกล้ให้เกิด
ชีวิตินทรียะนั้นย่อมอุปถัมภ์รักษาธรรมเหล่านั้นในขณะที่มีอยู่เท่านั้น เหมือนน้ำที่หล่อเลี้ยงดอกอุบลเป็นต้น และชีวิตินทรียะนั้นย่อมรักษาธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นด้วยปัจจัยของตนดุจพี่เลี้ยงเลี้ยงดูกุมารฉะนั้น และเป็นไปโดยสัมพันธ์กันกับธรรมที่ตนให้เป็นไปแล้ว ดุจต้นหนยังเรือให้แล่นไปฉะนั้น ชีวิตินทรียะนั้นให้เป็นไปเหนือภังคขณะไม่ได้ เพราะความที่ตนและธรรมที่จะพึงให้เป็นไปไม่มี ธำรงไว้ในขณะแห่งภังคะไม่ได้ เพราะตัวเองก็สลาย ดุจเมื่อไส้และน้ำมันหมดเปลวประทีปก็หมดฉะนั้น
ท่านผู้ฟังได้ฟังเรื่องของชีวิตินทรียรูปและชิวิตินทรียนามแล้วก็ได้รู้ลักษณะของชีวิตินทรียเจตสิกและชีวิตินทรียรูป ให้ทราบว่าในขณะนี้รูปที่กายซึ่งมีความประพฤติเป็นไป หรือมีความดำรงอยู่เพราะชีวิตินทรียรูปนั่นเอง ขณะนี้จักขุปสาทอยู่ไหมคะ ขณะที่เห็นนี้ จักขุปสาทดับไม่ได้ ยังดับไม่ได้ เพราะว่าถ้าดับไปแล้ว การเห็นจะมีไม่ได้ เพราะฉะนั้นในขณะที่เห็นแสดงว่าจักขุปสาทเกิดแล้วยังไม่ดับ การเห็นจึงเกิดได้ เพราะฉะนั้นถ้าหยั่งลงไปถึงชีวิตินทรียรูปว่า ในขณะที่จักขุปสาทขณะนี้ยังไม่ดับไป ที่มีการเห็นในขณะนี้ เพราะชีวิตินทรียรูปอุปถัมภ์ให้ตั้งอยู่ ในขณะที่ยังไม่ดับ
เพราะฉะนั้นชีวิตของทุกท่านนี้มีความเป็นไปในวันหนึ่งๆ ถ้าดูอย่างหยาบก็แสดงว่า ยังดำรงชีวิตอยู่ รูปยังเป็นรูปที่ดำรงชีวิต ยังทรงชีวิต เพราะชีวิตินทรียรูปเกิดร่วมกับกลุ่มของรูปซึ่งเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัยให้ดำรงอยู่ ยังไม่หมดกรรม ยังไม่สิ้นกรรม ยังคงเป็นบุคคลนี้อยู่
เพราะฉะนั้นกัมมชรูปก็เกิดขึ้นเพราะกรรมทำให้รูปนั้น ๆ เกิดขึ้นเป็นไป และมีชีวิตินทรียรูปตามอุปถัมภ์รักษารูปนั้นตราบเท่าที่รูปนั้นยังตั้งอยู่ แต่รูปก็เกิดแล้วก็ดับไป แล้วก็เกิดแล้วก็ดับไปเพราะฉะนั้นชีวิติทรียรูปก็ตามรักษาเฉพาะในขณะที่ดำรงอยู่ ไม่ใช่ในภังคขณะ เพราะเหตุว่าแม้ตนเองก็สลายในขณะภังคะด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะทำกิจอุปถัมภ์ หรือว่าดำรงรักษารูปธรรมซึ่งเกิดร่วมด้วยในขณะนั้น