ในคัมภีร์วิภังคปกรณ์ จำแนก อินทรีย์ โดยทวาร ๖


    ถ้าจะจัดอินทรียะตามทวาร ซึ่งท่านผู้ฟังจะเห็นความต่างกันของคัมภีร์ปัฏฐานและในคัมภีร์วิภังค์ ซึ่งต่างก็เป็นอภิธรรมปิฎก สำหรับในคัมภีร์วิภังค์จัดอินทรีย์ตามทวาร ซึ่งจำแนกออกคือ

    ๑.จักขุนทรีย์ ๒. โสตินทรีย์ ๓.ฆานินทรีย์ ๔.ชิวหินทรีย์ ๕. กายินทรีย์

    ๖.มนินทรีย์ ๗.อิตถินทรีย์ ๘.ปุริสินทรีย์ ๙.ชีวิตินทรีย์ ๑๐. สุขินทรีย์

    ๑๑.ทุกขินทรีย์ ๑๒.โสมนัสสินทรีย์๑๓.โทมนัสสินทรีย์๑๔.อุเบกขินทรีย์๑๕.สัทธินทรีย์

    ๑๖. วิริยินทรีย์ ๑๗. สตินทรีย์ ๑๘. สมาธินทรีย์ ๑๙. ปัญญินทรีย์

    ๒๐. อนัญญาตัญญัติสามีตินทรีย์ ๒๑. อัญญินทรีย์ ๒๒. อัญญาตาวินทรีย์

    โดยนัยของวิภังคปกรณ์จำแนกโดยทวาร ๖ซึ่ง

    จักขุนทรีย์ เป็นที่ ๑

    โสตินทรีย์ เป็นที่ ๒

    ฆานินทรีย์ เป็นที่ ๓

    ชิวหินทรีย์ เป็นที่ ๔

    กายินทรีย์ เป็นที่ ๕

    มนินทรีย์ เป็นที่ ๖

    โดยเหตุผลที่ว่าการที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็เพราะอินทรีย์ ๖ถ้าไม่มีจักขุปสาท โสตปสาทฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาทและจิต จะไม่มีสภาพธรรมใด ๆ ปรากฏเลยเพราะเหตุว่าแม้ว่าจิตจะเกิดดับที่หทยวัตถุตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิคือ ปฏิสนธิจิตเกิดพร้อมกับปฏิสนธิกัมมชรูป ซึ่งกลุ่มนั้นเป็นหทยทสกะ เป็นรูปที่เกิดของจิตในขณะนั้นจิตเกิดขั้นแล้ว เป็นสภาพซึ่งรู้อารมณ์ แต่ว่าเป็นการรู้อารมณ์ที่สืบต่อมาจากอารมณ์ของจิตใกล้จะจุติของชาติก่อน เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่อารมณ์ที่ต้องอาศัยตาหรือหูหรือจมูกหรือลิ้นหรือกายหรือใจ เพราะฉะนั้นในขณะนั้นแม้มีจิตและมีรูปพร้อมทั้ง ๕ ขันธ์แต่ไม่มีการรู้อารมณ์ใด ๆ ที่ปรากฏ


    หมายเลข 6015
    27 ส.ค. 2558