ในคัมภีร์ปัฏฐาน จำแนกความเป็นปัจจัยของรูป - นาม ไว้ส่วนหนึ่ง
เพราะฉะนั้นในคัมภีร์วิภังคปกรณ์ก็ได้จำแนกอินทรียะ ๒๒ ตามทวารแต่สำหรับในคัมภีร์ปัฏฐานจำแนกการเป็นปัจจัยของรูปส่วนหนึ่ง และจำแนกการเป็นปัจจัยของนามส่วนหนึ่ง
เพราะฉะนั้นสำหรับคัมภีร์ปัฏฐาน ได้แสดงรูปเป็นปัจจัยโดย ๑.จักขุนทรีย์ ๒. โสตินทรีย์ ๓. ฆานินทรีย์ ๔. ชิวหินทรีย์ ๕. กายินทรีย์ ๖. อิตถินทรีย์ ๗. ปุริสินทรีย์ ๘. ชีวิตินทรีย์ ๙. มนินทรีย์
นี่คือความต่างกัน เพราะเหตุว่ายกรูปทั้งหมดขึ้นเป็นอินทรีย์ก่อน แม้ว่าอิตถินทรีย์และปุริสินทรีย์จะไม่เป็นอินทรียปัจจัย แต่เพราะเหตุว่าเป็นรูป จึงได้ยกสภาพของรูปซึ่งเป็นอินทรีย์ทั้งหมดก่อน รวม ๘ รูปที่เป็นอินทรีย์ คือ
จักขุปสาทเป็นจักขุนทรีย์ โสตปสาทเป็นโสตินทรีย์ ฆานปสาทเป็นฆานินทรีย์ชิวหาปสาทเป็นชิวหินทรีย์กายปสาทเป็นกายินทรีย์อิตถีภาวรูปเป็นอิตถินทรีย์ ปุริสภาวรูปเป็นปุริสินทรีย์ และชีวิตินทรียะซึ่งเป็นทั้งนามและรูป
มีท่านผู้ฟังมีข้อสงสัยอะไรบ้างไหมในเรื่องนี้
เพราะเหตุว่าบางแห่ง ถ้าท่านผู้ฟังสังเกตจะเห็นลำดับที่ต่างกันในวิภังคปกรณ์และในคัมภีร์ปัฏฐานแต่โดยเหตุผลให้ทราบว่าคัมภีร์ปัฏฐานแสดงโดยความเป็นปัจจัยของรูปก่อน แล้วต่อจากนั้นก็แสดงสภาพของนามธรรมที่เป็นอินทรีย์สำหรับวิภังคปกรณ์นั้นแสดงอินทรียะโดยทวาร