ไม่เพิกอิริยาบถ ไม่รู้ความเป็นอินทรีย์


    เพราะฉะนั้นในการอบรมเจริญสติปัฏฐานท่านผู้ฟังจะเห็นได้ว่า ที่ทุกขลักษณะไม่ปรากฏอนิจจลักษณะไม่ปรากฏอนัตตลักษณะไม่ปรากฏ เพราะเหตุว่าอิริยาบถปิดบังทุกข ลักษณะคณสัญญาปิดบังอนัตตา สันตติปิดบังอนิจจัง คือ การเกิดดับซึ่งสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว

    เพราะเหตุว่าทุกขลักษณะก็ดี อนิจจลักษณะก็ดีอนัตตลักขณะก็ดีนั้นเป็นไตรลักษณ์ เป็นการเกิดดับของสภาพธรรมที่ไม่เที่ยงและไม่ใช่ตัวตนจึงเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นการที่จะเห็นทุกข์ได้คือ ทุกขลักษณะตามความเป็นจริงต้องเพิกอิริยาบถ อย่าลืมท่านที่ผ่านพยัญชนะที่ว่า อิริยาบถปิดบังทุกข์ทำให้ไม่เห็นทุกขลักษณะ

    เพราะฉะนั้นการที่จะเห็นทุกขลักษณะได้ ก็เพราะเพิกอิริยบถ

    ความหมายของเพิกอิริยาบถคืออย่างไร

    จะเพิกอย่างไรอิริยาบถคะ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทีละลักษณะโดยไม่ยึดรูปร่างใด ๆ ไว้ในขณะนั้น

    ทางตาที่กำลังเห็นนี้ ถ้าสติระลึกรู้ลักษณะสภาพของสิ่งที่กำลังปรากฏเท่านั้นแล้วก็รู้ในลักษณะของสภาพซึ่งเป็นธาตุรู้อาการรู้เท่านั้นลักษณะอื่นไม่สามารถจะร่วมปรากฏในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตา หรือในสภาพที่กำลังเห็นสิ่งที่ปรากฏทางได้เลย

    เพราะฉะนั้นในขณะนั้นไม่มีรูปร่างทั้งหมด มีแต่เฉพาะอินทรียะหนึ่งคือ จักขุนทรีย์กำลังเป็นใหญ่ที่เป็นปัจจัยให้จักขุวิญญาณเกิดขึ้น เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาทางหูโดยนัยเดียวกันขณะใดที่สติระลึกที่เสียงที่กำลังปรากฏต้องไม่ยึดถือรูปร่างซึ่งเคยคิดว่ามี เพราะเหตุว่ารูปนี้เกิดดับสืบต่อกันเร็วมาก แต่ละรูปจะดับไปพร้อมกับเมื่อจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ เพราะฉะนั้นเมื่อรูปเกิดพร้อมกับขณะจิตใด รูปนั้นจะมีอายุอยู่จนกระทั่งจิตเกิดดับแล้ว ๑๖ ขณะ รวมทั้งในขณะที่รูปนั้นเกิดด้วยอีก ๑ ขณะจึงเป็น ๑๗ ขณะ แล้วรูปนั้นก็ดับไปหมด เพราะฉะนั้นรูปนั้นไม่ได้ปรากฏร่วมด้วยในขณะที่สีกำลังปรากฏทางตา หรือเสียงกำลังปรากฏทางหู หรือกลิ่นกำลังปรากฏทางจมูกหรือรสกำลังปรากฏทางลิ้นหรือเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหวกำลังปรากฏที่กาย เพราะฉะนั้นต้องเพิกอิริยาบถจึงจะเห็นสภาพธรรมที่เป็นอินทรีย์แต่ละอินทรีย์ตามปกติ ตามความเป็นจริงได้

    แต่ถ้าตราบใดยังมีความรู้สึกเหมือนกับเป็นรูปร่างของตัวเราอยู่ เมื่อนั้นจะไม่สามารถประจักษ์ในความเป็นอินทรีย์ของตาหรือหูจมูกลิ้นกายได้


    หมายเลข 6018
    27 ส.ค. 2558