ปัจจัยที่ ๑๘ -- มัคคปัจจัย -- สัมมามรรค ๘
ยังมีข้อสงสัยอะไรอีกบ้างไหมคะในเรื่องของปฏิสนธิ
ถ้าเข้าใจในเรื่องของปฏิสนธิแล้วขอกล่าวถึงมัคคปัจจัยเพียงนิดเดียว เพราะเหตุว่าเรื่องของฌานปัจจัยกับเรื่องของมัคคปัจจัยนั้นคู่กัน
ท่านผู้ฟังได้ยินคำว่ามรรคบ่อย ๆ ใช่ไหม สัมมามรรคมีเท่าไร ?๘ตอบได้คล่องมิจฉามรรคล่ะ ?๘ เหมือนกัน สภาพธรรมที่เป็นมรรคมี ๑๒เมื่อกล่าวรวมทั้งสัมมามรรคและมิจฉามรรคคือสัมมามรรคได้แก่ปัญญาเจตสิก ๑ คือ สัมมาทิฏฐิวิตกเจตสิก ๑คือสัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา ๑สัมมากัมมันตะ ๑สัมมาอาชีวะ ๑วิริยเจตสิก ๑สติเจตสิก ๑สมาธิ ๑เจตสิกอื่นนอกจากนี้ไม่ใช่มรรคแต่จะสังเกตได้ว่าวิตกเจตสิกเป็นทั้งฌานปัจจัยและมัคคปัจจัย
เพราะฉะนั้นสำหรับสภาพธรรมที่เป็นมรรคหรือมัคคปัจจัย ก็คือสภาพธรรมที่นำไปสู่สุคติทุคติ หรือนิพพาน ถ้าปัญญาเกิดขึ้นกุศลจิตเกิดนำไปสู่อะไร ?สุคติ เพราะฉะนั้นสภาพธรรมที่เป็นมรรคไม่ใช่สภาพธรรมที่เป็นฌานปัจจัยแม้ว่าจะเป็นเจตสิกเดียวกันแต่ความสามารถในการเป็นปัจจัยนั้นแยกกันเช่น วิตกเจตสิกเป็นทั้งฌานปัจจัยและมัคคปัจจัยด้วยแต่วิจารเจตสิกที่เกิดกับวิตกเจตสิก เป็นฌานปัจจัย แต่ไม่ใช่มัคคปัจจัย
นี่ก็แสดงให้เห็นว่าที่เรากล่าวถึงมรรคบ่อย ๆจะต้องรู้ด้วยว่า ทำไมเจตสิกแต่ละประเภทนั้นจึงเป็นมรรค เช่นปัญญาเจตสิก เป็นมรรคแน่นอนใช่ไหมคะ เป็นทางนำไปสู่สุคติปัญญาเจตสิกซึ่งเป็นสัมมามรรคจะไม่นำไปสู่ทุคติเลยวิตกเจตสิกซึ่งเป็นสัมมาสังกัปปะ การตรึก การดำริในทางที่เป็นกุศลก็นำไปสู่สุคติถ้าเกิดคิดในทางที่เป็นอกุศลก็ยังไปสู่ทุคติเพราะฉะนั้นลักษณะของวิตกเจตสิกนี้เป็นสภาพที่จรดในอารมณ์ แล้วก็เพิ่มกำลังขึ้นแล้วก็ถ้าเป็นทางมโนทวารก็เป็นการจรดหรือตรึกในอารมณ์แล้วแต่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศลถ้าเป็นทางฝ่ายกุศล ถ้าเป็นสัมมาสังกัปปะ ก็เป็นมรรคคือ เป็นทางที่นำไปสู่สุคติ
สัมมาวาจา คำพูดสำคัญนะคะพูดดีเป็นกุศล ประกอบด้วยเจตนาที่เป็นกุศลขณะใดขณะนั้นก็เป็นสุคติคือ เป็นทางที่จะนำไปสู่สุคติด้วยกุศลเองก็จัดว่าเป็นสุคติเพราะเหตุว่าเป็นทางที่จะนำไปสู่สุคติสัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะโดยนัยเดียวกันรวมทั้งสัมมาวายาโมคือวิริยะและสติสมาธิซึ่งเป็นมรรคมีองค์ ๘ ทั้งหมดเป็นสัมมามรรค