สัมมากัมมันตะ - ธรรมที่วิรัติกายทุจริต
สัมมากัมมันตะก็โดยนัยเดียวกัน เป็นโสภณเจตสิก ซึ่งเกิดขึ้นวิรัติทุจริตทางกาย เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่าวันหนึ่งๆ กายทวารของแต่ละคนเป็นไปในทางฝ่ายอกุศลมากเพียงไร
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมามีการเคลื่อนไหวกาย ถ้าสติปัฏฐานไม่เกิดจะไม่ทราบเลยว่าในขณะนั้นเป็นกายทวารของอกุศลจิต เพราะเหตุว่าโลภะเกิดเป็นประจำทันทีที่ตื่นพลิกตัวลุกขึ้นขณะนั้นก็เป็นกายทวารของอกุศลจิตคือ โลภมูลจิตที่มีความพอใจ มีความต้องการขวนขวายทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายถ้าอกุศลนั้นมีกำลังขึ้นถึงขั้นที่จะกระทำทุจริตกรรมทุจริตกรรมนั้นก็เกิดถ้าสัมมากัมมันตเจตสิกไม่เกิดขึ้นวิรัติทุจริตกรรม
โดยเฉพาะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างตัวอย่างที่ได้กล่าวถึงในคราวก่อนเช่นมะม่วงของเพื่อนบ้าน ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาเหลือเกิน ตั้งแต่เห็นแล้วก็พอใจแต่ถ้าหลงลืมสติ โดยเฉพาะที่เป็นเด็กเล็กๆ ก็อาจจะเก็บมะม่วงของเพื่อนบ้าน ดูเป็นการกระทำที่เล็กน้อยในสายตาของคนอื่นแต่ถ้าคิดว่าในขณะนั้นเป็นอกุศลจิตที่ทำให้กายกรรมเกิดขึ้นถือเอาสิ่งของของผู้อื่นซึ่งเจ้าของไม่ได้ให้แม้ว่าจะโดยรู้หรือโดยไม่รู้ก็ตามว่า ขณะนั้นเป็นอกุศลกรรม อกุศลกรรมก็ได้กระทำสำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าขณะนั้นสัมมากัมมันตเจตสิกไม่เกิดขึ้นวิรัติ ก็จะมีการล่วงทุจริตต่างๆ
ตั้งแต่เด็กสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งถึงโตแล้ว ถ้าไม่พิจารณาการกระทำของตนเองก็อาจจะไม่ทราบว่าสัมมากัมมันตะเกิดขึ้นวิรัติทุจริตกรรมที่เคยเห็นว่าเล็กๆ น้อยๆ นั้นหรือเปล่า เพราะคนที่เคยเก็บมะม่วงของเพื่อนบ้านอาจจะเก็บตั้งแต่เด็กจนโตเรื่อยไปตลอด ได้ไหมคะ เพราะคิดว่าเพียงมะม่วงของเพื่อนบ้านซึ่งเข้ามาในเขตบ้าน แต่ถ้าสัมมากัมมันตะเกิดขึ้นวิรัตินี้จะไม่กระทำกายกรรมนั้น เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ในขณะนั้นก็เป็นมรรคคือเป็นทางของกุศล
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าสำหรับเจตสิกซึ่งเป็นมัคคปัจจัยทางฝ่ายกุศลมีปัญญาเจตสิก ๑ วิตกเจตสิกซึ่งเป็นสัมมาสังกัปปะ ๑สัมมาวาจาเจตสิก ๑ สัมมากัมมันตเจตสิก ๑ สัมมาอาชีวเจตสิก ๑วิริยเจตสิกซึ่งเกิดกับกุศล และสติซึ่งเป็นโสภณเจตสิกต้องเกิดกับโสภณจิตเท่านั้น และสัมมาสมาธิได้แก่ เอกัคคตาเจตสิกซึ่งเกิดกับกุศล นอกจากนั้นแล้วไม่ใช่มรรคไม่เป็นมัคคปัจจัย