ทบทวนปัจจัย - สัมปยุตตปัจจัย
ต่อไปปัจจัย ที่ ๒ โดยสัมปยุตปัจจัยหมายถึงสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมซึ่งเป็นปัจจัยแก่สภาพธรรมที่เป็นนามธรรมด้วยกันในขณะที่เกิดร่วมกันเท่านั้น เพราะเหตุว่าเป็นสภาพธรรที่เข้ากันได้สนิท จึงเป็นสัมปยุตตปัจจัย
ที่เข้ากันได้สนิท ก็เพราะเหตุว่าเป็นสภาพธรรมที่เกิดพร้อมกัน ๑ ดับพร้อมกัน ๑ รู้อารมณ์เดียวกัน ๑ และสำหรับในภูมิที่มีขันธ์ ๕ต้องเกิดที่รูปเดียวกันด้วย ๑
นี่แสดงให้เห็นว่า สภาพธรรมที่เข้ากันได้สนิทจริง ๆ ซึ่งเป็นนามธรรม
ถ้าเป็นรูปธรรมกับนามธรรมไม่สามารถที่จะเข้ากันได้สนิท เพราะเหตุว่ารูปธรรมไม่ใช่สภาพรู้อารมณ์นอกจากนั้นยังต้องหมายความถึงที่เป็นสัมปยุตตปัจจัยนั้นในขณะที่เกิดพร้อมกันไม่ใช่ในขณะเกิดต่างขณะกันจิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไรก็ตาม ทั้งจิตและเจตสิกนั้นเป็นสัมปยุตตปัจจัยซึ่งกันและกัน เพราะเหตุว่าเข้ากันได้สนิทในขณะที่เกิดร่วมกันรู้อารมณ์เดียวกัน ดับพร้อมกันและเกิดที่รูปเดียวกัน
ถ้าโลภมูลจิตดวงนี้ดับไปแล้วก็มีจิตอื่นเกิดต่อจะชื่อว่าสัมปยุตตปัจจัยได้ไหม
ถ้าจิตขณะนี้เกิดเป็นโลภมูลจิต แล้วดับไปแล้วจิตขณะต่อไปก็เกิดเป็นโลภมูลจิต โลภมูลจิตขณะที่ ๑กับโลภมูลจิตขณะที่ ๒เป็นสัมปยุตตปัจจัยหรือเปล่าเป็นหรือไม่เป็นโลภมูลจิตขณะที่ ๑ ก็เป็นนามธรรม โลภมูลจิตขณะที่ ๒ ก็เป็นนามธรรมแต่โลภมูลจิตขณะที่ ๑ เป็นสัมปยุตตปัจจัยกับโลภมูลจิตขณะที่ ๒ หรือเปล่า เป็นหรือไม่เป็น ?ไม่เป็น
นี่คือสิ่งที่จะต้องเข้าใจว่า ในขณะจิตเดียวซึ่งเกิดขึ้น ยังไม่พูดถึงขณะต่อไปเลย เพียงในขณะจิตเดียวที่เกิดขึ้นจิตและเจตสิกเกิดพร้อมกันเป็นสหชาตปัจจัย ต่างอาศัยกันและกันเกิดขึ้นจริงแต่ต้องเกิดพร้อมกัน แต่นอกจากจะเป็นสภาพซึ่งเกิดพร้อมกันแล้ว ยังเป็นสัมปยุตตปัจจัย เพราะเหตุว่าเป็นนามธรรมซึ่งเกิดพร้อมกันในขณะนั้น รู้อารมณ์เดียวกันในขณะนั้น แล้วก็ถ้าเป็นในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ต้องเกิดที่รูปเดียวกันในขณะนั้นแล้วก็ต้องดับไปพร้อมกันด้วยจึงจะเป็นสัมปยุตตปัจจัย
เพราะฉะนั้นโลภมูลจิตดวงที่ ๑ดับไป เป็นปัจจัยให้โลภมูลจิตดวงที่ ๒ เกิด แต่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย