ทบทวนปัจจัย - อุปนิสสยปัจจัย
ปัจจัยที่ ๕คือโดยอุปนิสสยปัจจัยได้แก่สภาพธรรมที่เป็นที่อาศัยที่มีกำลังแก่สภาพธรรมอื่นที่เกิดขึ้นแต่ว่าสำหรับอุปนิสสยปัจจัยนั้นเป็นสภาพที่เป็นปัจจัยโดยเป็นที่อาศัยที่มีกำลังแก่สภาพธรรมที่ไม่ได้เกิดพร้อมกัน
นี่เป็นความต่างกัน
อุปนิสสยปัจจัยถ้าโดยการทบทวน ก็คงจะไม่ลืมว่ามี ๓คือ อารัมมณูปนิสสยปัจจัย ๑ อนันตรูปนิสสยปัจจัย ๑ และปกตูปนิสสยปัจจัย ๑
โดยนัยของอารัมมณูปนิสสยปัจจัยโลภมูลจิตทิฏฐิคตสัมปยุตต์เป็นที่อาศัยที่มีกำลัง โดยเป็นอารมณ์ของโลภมูลจิตขณะต่อ ๆ ไป ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ถ้ามีความชอบใจหรือมีความพอใจในความเห็นผิดอย่างไหน มักจะคิดถึงความเห็นผิดนั้นอีก แล้วก็มีความโน้มเอียงที่ต้องการ ที่พอใจที่ติดที่ยึดในความเห็นนั้นอีก
นี่ก็เป็นของธรรมดา เพราะฉะนั้นโลภมูลจิตทิฏฐิคตสัมปยุตต์ที่เกิดขึ้นขณะหนึ่ง เป็นที่พอใจในความเห็นผิดนั้นถึงแม้ว่าจะดับไปแล้วก็จริงแต่ก็ยังเป็นอารมณ์ที่จะทำให้โลภมูลจิตทิฏฐิคตสัมปยุตต์เกิดต่อไปข้างหน้าได้
สำหรับอนันตรูปนิสสยปัจจัยก็โดยนัยเดียวกันกับอนันตรปัจจัย คือ การดับไปของโลภมูลจิตดวงก่อนเป็นปัจจัย โดยเป็นที่อาศัยที่มีกำลัง ทำให้โลภมูลจิตดวงต่อไปเกิดสืบต่อในชวนวิถี และสำหรับดวงสุดท้ายที่เป็นชวนวิถี ก็เป็นปัจจัยให้ตทาลัมพนะเกิด หรือว่าภวังคจิตเกิด ตามวิถีจิตเท่านั้นเอง
สำหรับโดยนัยของปกตูปนิสสยปัจัย เป็นที่อาศัยที่มีกำลังโดยปกติที่ได้กระทำคือ สะสมไว้
เป็นชีวิตประจำวันจริง ๆ โลภมูลจิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไปไม่สูญหาย สะสมสืบต่อในจิตดวงต่อ ๆ ไป เคยกระทำไว้เคยคิดอย่างนั้น เคยเห็นอย่างนั้นเพราะฉะนั้นก็เป็นการสะสมที่มีกำลังที่จะทำให้โลภมูลจิตทิฏฐิคตสัมปยุตต์อย่างนั้นเกิดอีก
ถ้าไม่กล่าวถึงโลภมูลจิตทิฏฐิคตสัมปยุตต์ คือเกิดร่วมด้วยกับความเห็นผิด จะเห็นได้จากชีวิตประจำวันจริง ๆ ว่าแต่ละท่าน ที่มีความพอใจหรือว่ามีอัธยาศัยต่าง ๆ กันไป ในสิ่งที่เห็นทางตา ในเสียงที่ได้ยินทางหู ในกลิ่นต่าง ๆ ในรสต่าง ๆ ในเสื้อผ้า ในวัตถุในเครื่องใช้ ในเรื่องราวต่าง ๆ ที่สนใจที่สนุกสนานแม้แต่การเล่น ก็จะเห็นได้ว่าเพราะได้เคยพอใจอย่างนั้นเคยสะสมมาอย่างนั้นเคยทำอย่างนั้นมาแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงเป็นปกตูปนิสสยปัจจัย เป็นที่อาศัยที่มีกำลังโดยปกติที่ได้เคยกระทำสะสมไว้แล้ว
ซึ่งสำหรับเรื่องในอดีตที่เป็นชาดกนี้ จะเห็นได้ว่าการที่พระผู้มีพรtภาคทรงแสดงชาดก ก็เพราะเหตุว่าได้เกิดการกระทำและเหตุการณ์นั้น ๆ ขึ้น ที่พระวิหารเชตวันบ้าง ที่กรุงสาวัตถีบ้าง ที่เมืองพาราณสีบ้าง เมื่อมีเหตุการณ์นั้นๆ หรือการกระทำของบุคคลนั้น ๆ เกิดขึ้น
เป็นที่น่าแปลกใจว่า ทำไมแต่ละบุคคลนั้นจึงกระทำสิ่งนั้น ๆได้ เพราะฉะนั้นเมื่อได้ไปเฝ้าแล้วก็กราบทูลพระผู้มีพระภาค พระองค์จึงได้ทรงแสดงชาดก คือเหตุการณ์ซึ่งได้เคยเกิดขึ้นอย่างนั้น ๆ มาแล้วแก่บุคคลนั้น ๆ ในอดีต
เพราะฉะนั้นแต่ละท่านก็ลองพิจารณาตนเองจะคิดจะพูดจะทำจะชอบจะไม่ชอบ สิ่งหนึ่งสิ่งใดนี้ ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว แต่ว่าต้องเคยคิด เคยทำเคยพูดเคยชอบเคยไม่ชอบอย่างนั้น ๆ มาแล้วอดีต จนกระทั่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดคิดพูดหรือทำในขณะนี้เป็นอย่างนี้ไม่ว่าจะเป็นด้วยกุศลจิตหรืออกุศลจิตประเภทใดก็ตามทั้งนี้ก็เพราะเหตุว่าโดยปกตูปนิสสยปัจจัย