ผู้ที่กลัวโดยเห็นโทษภัยของการเกิดจริงๆ คือพระอรหันต์
ทบทวนจิตทั้งหมดมี ๑๔ กิจ ปฏิสนธิกิจ ๑ ขณะ ก็ไม่รู้จะไปเกิดภูมิไหนแต่ต้องเกิดแน่นอน ผู้ที่กลัวจริงๆ เห็นโทษเห็นภัยจริงๆ คือผู้ที่เป็นพระอรหันต์ หรือว่าก่อนนั้นได้อบรมเจริญปัญญาที่จะถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะว่าพระอรหันต์ท่านไม่กลัวอะไรเลย แต่ว่าที่จะเป็นพระอรหันต์ได้เพราะกลัวเกิด เพราะว่าตายแล้วต้องเกิด ตายแล้วก็ต้องเกิด ตายแล้วก็ต้องเกิด พระโพธิสัตว์ท่านไม่ได้พิจารณาอย่างเราที่กลัวตาย แต่พิจารณาว่าเมื่อไหร่จะไม่เกิด เพราะว่าเกิดมาแล้วต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องคิดนึก ต้องสุข ต้องทุกข์ ต้องบริหารร่างกาย ต้องทุกอย่างหมด เป็นภาระ แต่ว่าเมื่อเกิดมาแล้วถ้าไม่มีปัญญาก็จะไม่เห็นเลยว่าเป็นภาระ ก็ดูเป็นเรื่องที่อาจจะชอบเห็น ชอบลิ้มรส ชอบอะไรต่างๆ แต่จริงๆ แล้วทั้งหมดเป็นภาระ เป็นกิจของจิตซึ่งต้องเกิดต้องทำ จิตเกิดแล้วไม่ทำกิจไม่ได้เลย แล้วแต่ว่าจิตนั้นทำกิจอะไร มีใครกลัวปฏิสนธิกิจบ้าง หรือก็ยังไม่กลัว เกิดอีกก็ได้ แต่ขอเกิดในภูมิที่เป็นสุขติภูมิบนสวรรค์ หรือถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็ขอให้มีทรัพย์สมบัติมีวงศาคณาญาติ มีรูปร่างสวยงาม มีทุกสิ่งทุกอย่าง บางคนก็บอกว่าเกิดไปเรื่อยๆ อย่างนี้ก็คงจะไม่เป็นไรเพราะว่ามีแต่ความสุข โดยที่ว่าไม่เห็นภัยเลยว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครก็ตามที่เข้าใจว่าสุขแล้วในชาตินี้ก็ยังต้องมีทุกข์ ไม่มีใครเลยที่จะกล่าวได้ว่าสุขจริงๆ แต่เขาอาจจะไม่เห็น เช่นเวลาที่เขาหิว ก็ไม่เคยคิดว่านั่นคือทุกข์แล้ว ถ้าหิวมากๆ เป็นอย่างไร ไม่รับประทานอาหารเลยเป็นวันเป็นอย่างไร แต่เมื่อสามารถที่บริโภคอาหารได้ด้วยรสที่อร่อย ก็ไม่ได้เห็นเลยว่าแท้ที่จริงหิวนี่ก็น่ากลัวด้วย ก็เป็นทุกข์ของกายวิญญาณอกุศลวิบาก
ที่มา ...