วิถีจิตแรกมีอยู่ ๒ ประเภท
หลังจากที่ปฏิสนธิจิตผ่านไปแล้ว ภวังคจิตผ่านไปแล้ว ถึงกาลที่จะต้องรับผลของกรรม คือต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องได้กลิ่น ต้องลิ้มรส ต้องรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ก่อนจิตที่ทำกิจเหล่านี้เกิดขึ้นจะต้องมีวิถีจิตแรก เวลาที่เป็นภวังคจิตไม่ใช่วิถีจิต วิถีจิตแรกมีอยู่สองประเภท คือ วิถีจิตแรกทางปัญจทวารสามารถที่จะรู้อารมณ์ที่กระทบทางหนึ่งทางใดใน ๕ ทางได้ จึงรวมเรียกว่าปัญจทวาราวัชชนจิต แต่สำหรับวิถีจิตแรกทางใจ ไม่ต้องมีอารมณ์มากระทบเลยก็สามารถที่จะคิดนึกตามการสะสมที่ว่าจะคิดเรื่องอะไร ความคิดของเราๆ ห้ามไม่ได้เลย อยากให้คิดให้สนุกๆ ก็ไปคิดในสิ่งที่เป็นทุกข์ หรือว่ามีเหตุการณ์ หรือมีเรื่องราวที่ทำให้ต้องได้ยินได้ฟัง และคิดไปในเรื่องของสิ่งที่เป็นทุกข์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าทุกคนต้องคิด แต่ภวังคจิตคิดไม่ได้ วิถีจิตแรกก็คือมโนทวาราวัชชนจิต ปัญจะ คือ ๕ ทวาร คือ ทาง อาวัชชนะ คือ รำพึงถึง หรือว่ารู้ว่าอารมณ์กระทบทางทวารหนึ่งทวารใดใน ๕ ทวาร สำหรับ มโนทวาราวัชชนะ ก็เป็น มโน กับ ทวาร และ อาวัชชนะ คือ วิถีจิตแรกทางมโนทวาร ต่อจากนั้นเมื่อวิถีจิตแรกดับไปแล้ว วิถีจิตที่เกิดสืบต่อต้องเป็นวิถี ไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระหนึ่งๆ ถ้าเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ต่อเมื่อรูปที่มีอายุ ๑๗ ขณะดับเมื่อใด วาระนั้นก็จะเกิดต่อไปไม่ได้ ก็ต้องเป็นภวังค์ แต่สำหรับมโนทวารขณะที่มีการคิดนึก หลังจากที่เห็นก็ได้ หลังจากที่ได้ยินก็ได้ หลังจากที่ได้กลิ่น หลังจากที่ลิ้มรส หลังจากที่รู้สิ่งกระทบสัมผัสก็ได้ หรือแม้ไม่มีการเห็น การได้ยินเลย มโนทวารวิถีจิตก็เกิดได้ โดยมีมโนทวาราวัชชนจิต เป็นวิถีจิตแรก
ที่มา ...