หิวเป็นสภาพธรรมอะไร


    เพราะฉะนั้น เวลาที่อารมณ์กระทบกับปสาทรูป ขอกล่าวถึงทางปัญจทวาร เพราะเหตุว่า ทางมโนทวารจะไม่ยากเลย มีชื่อน้อยด้วย เพราะฉะนั้น ทางปัญจทวารทางทวารหนึ่งทวารใด คุณเด่นเพงษ์ จะเลือกทางไหน

    ผู้ฟัง เมื่อหิว จะใช้คำว่าอย่างไร รูปหิว หรือ จิตหิว

    ท่านอาจารย์ ต้องเข้าใจว่า อะไรเป็นนามธรรม อะไรเป็นรูปธรรม ต้องรูปว่า "รูป" ไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่รู้สึก แต่หิวเป็นความรู้สึกที่เป็นทุกข์ทางกาย เพราะฉะนั้นหิวต้องเป็นนามธรรม สภาพที่หิวเป็นนามธรรมไม่ใช่รูป แต่ถ้าไม่มีกายก็ไม่หิว เพราะฉะนั้นรูปที่กาย หรือ สิ่งที่กระทบกายก็จะทำให้จิตรู้รูปนั้นด้วยความรู้สึกสองอย่าง คือ ความรู้สึกเป็นสุข หรือ ความรู้สึกเป็นทุกข์ เวลาสิ่งหนึ่งสิ่งใดกระทบกาย จะไม่มีความรู้สึกอทุกขมสุข (อะ-ทุก-ขะ-มะ-สุข) หรืออุเบกขา แต่จะต้องเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด คือ สุขเวทนาทางกาย หรือ ทุกขเวทนทางกายเกิดกับกายวิญญาณ เพราะฉะนั้นขณะที่หิวไม่สุข เพราะขณะนั้นเป็นจิตที่รู้ความทุกข์ทางกายที่เกิดร่วมกับทุกขเวทนา ถ้าเป็นภาษาบาลีก็จะใช้คำว่า ทุกขสหคต (ทุก-ขะ-สะ-หะ-คะ-ตะ) หมายความว่าจิตขณะนั้นต้องเกิดร่วมพร้อมกับความรู้สึกที่เป็นทุกข์ทางกาย จิตนี้คือ กายวิญญาณ (จิตรู้กระทบสัมผัส) หรือจะใช้คำว่ากายวิญญาณัง ก็ถูกต้อง เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่ามีอยู่ แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาก็จะงงว่านี่เป็นรูป หรือเป็นนาม จริงๆ แล้วถ้าทราบว่าเป็นรูป ไม่ว่าจะเป็นรูปที่ไหน บนสวรรค์ ในพรหมโลก หรือว่าในนรก หรือที่ไหนก็ตาม รูปไม่ใช่สภาพรู้ รูปไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย เราก็ตอบตัวเองได้ว่าหิวเป็นนามธรรม แต่ต้องอาศัยกาย เพราะฉะนั้นก็เป็นกายวิญญาณ

    ผู้ฟัง หิวเป็นนามธรรม แต่ไม่ทานอะไรลงไป ร่างกายของเราก็ยังหิวอยู่ สาเหตุที่เราหิวเพราะรูปต้องการให้มีอาหารอยู่ในท้องใช่ หรือไม่

    ท่านอาจารย์ หิวต่อไปก็ยังเป็นนามต่อไป ส่วนรูปไม่เดือดร้อน รูปไม่รู้อะไรเลย

    ผู้ฟัง แต่ก็หายหิว ถ้าทานเข้าไป

    ท่านอาจารย์ แต่รูปก็ไม่ได้อิ่ม เพราะฉะนั้นการที่เราจะสามารถละความเป็นเราได้ด้วยการที่เราสามารถเข้าถึงลักษณะที่ต่างกันโดยประการทั้งปวงของนามธรรม และรูปธรรม คือ รูป จะอยู่ที่ตัว หรือนอกตัวอย่างไรก็ตาม ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นรูปไม่สามารถจะรู้สึก ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น ต่อให้หิวแสนหิวก็คือนามธรรม อิ่มแล้วก็คือนามธรรม รูปไม่ได้อิ่ม เพราะฉะนั้นการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ใช้คำว่า "ตรัสรู้" หมายความว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะอะไร เพราะรู้ความจริงของสภาพธรรม ซึ่งสภาพธรรมนั้นมีลักษณะอย่างนั้น ใครก็เปลี่ยนไม่ได้ ลักษณะของรูปก็ต้องเป็นรูป เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของธาตุต่างๆ ซึ่งไม่ได้ส่วนสัด เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วย ธาตุดินมากไป ก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง ธาตุน้ำมากไป ธาตุไฟมากไป ธาตุลมมากไป ไม่พอดี ขณะนั้นก็ทำให้เกิดทุกขเวทนาได้ โดยที่เราไม่สามารถที่จะเลือกได้เลย เพราะนี่คืออนัตตา อะไรจะเกิดขณะต่อไปข้างหน้าไม่มีใครสามารถบอกได้ ไม่สามารถเลือกได้ เพราะว่าแล้วแต่ปัจจัย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 37


    หมายเลข 6158
    18 ม.ค. 2567